แนะนำ หนังสือ Grit ความเพียรและความทรหดอดทนสำคัญกว่า IQ

                                        ภาพจาก Google Image

อ่านบทนำ
https://www.amazon.com/Grit-Passion-Perseverance-Angela-Duckworth/dp/1501111108/ref=sr_1_1?ie=UTF8&qid=1467183647&sr=8-1&keywords=grit

Grit ในภาษาอังกฤษแปลว่าความเพียร, ความกล้าหาญ
พรสวรรค์ กับ พรแสวง ต่างกันเพียงใด
 โชควาสนา บุญ หรือ กรรม อะไรที่ทำให้มนุษย์แตกต่างกันในความสำเร็จและความล้มเหลว
คนเราล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร นี่คือคำสอนของพระพุทธองค์ ได้ตรัสไว้
ผมดาวน์โหลดตัวอย่างหนังสือ Grit: The Power of Passion and Perseverance มาติดตั้งไว้ที่ แอพ Amazon Kindle บนไอแพด ชื่อผู้แต่งคือ Angela Duckworth เธอจบการศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยเป็นอดีตที่ปรึกษาบริษัทแม็คเคนซี่ แล้วลาออกมาเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนของรัฐบาล (Public School) ตอนอายุได้ 27 ปี ทั้งที่เงินเดือนของแม็คเคนซี่ เยอะมากเทียบกับการเป็นครู เมื่อได้ประสบการณ์จากการเป็นครูได้เห็นพฤติกรรมของเด็กระหว่างเด็กที่เก่งและไม่เก่ง
ไอคิวสูงและไอคิวต่ำ เกิดความสนใจจึงไปเรียต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ผมเคยดูเธอพูดในคลิป TED ซึ่งเธอพูดได้ประทับใจมากแม้ว่าเพียง 7 นาที เท่านั้น คลิปของเธอได้รับความนิยมไปทั่วโลกมีผู้เข้าชมแล้วกว่า 8 ล้านคน ซึ่งถ้าหากท่านใดมีแอพ TED ในสมาร์ทโฟน พิมพ์คำว่า Grit ลงไป
แล้ว จะมีผลลัพภ์ขึ้นมา มีซับไตเต้ิลภาษาไทยให้อ่านขณะที่ชมการพูดของเธอครับ


              คลิ๊กชม TED พร้อมซับไตเติ้ลไทย

ปัจจุบันเธอเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเพนซิวาเนียและนักวิจัยเรื่องความเพียรและความทรหดอดทน เพราะเธอเองคุณพ่อเคยบอกว่า เธอไม่ใช่พวกอัจฉริยะ จึงทำให้เธอมีแรงผลักดัน ความเพียรนี่เป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และ ความทรหดอดทน



ผมเห็นน้อง ๆ นักมวยไทยในค่ายมวยแสงมรกตที่ซ้อมมวยไทยด้วยกันช่วงเวลาที่ผมแวะไปออกกำลัง
ได้เห็นถึงความทุ่มเทและความเพียรของพวกเขาในการซ้อมมวย เพื่อให้ได้ชัยชนะ
คิดในใจว่า ถ้าเขาทุ่มเทในการเรียนหนังสือเหมือนกับซ้อมมวยไทยแล้ว อย่าว่าแต่เป็นนักบินพาณิชย์เลยครับถ้าจะเรียนแพทย์เป็นหมอก็คงทำได้ ถ้ามีจิตวิญญาณในการเรียนหนังสือแบบซ้อมมวยไทย
แต่ก็เป็นคนละเรื่องกันนะครับ เพราะฉะนั้นความเพียรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก


 ผมชื่นชอบเรื่องความเพียรอยู่แล้วเพราะผมอยู่ใกล้กับคนที่มีความเพียรและทรหดที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ก็คือคุณแม่ของผมเอง ในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่กว่าตนเองและเกินกำลังกว่าสิ่งท่ีทำหลายเท่านัก แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำ ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ถ้าอธิบายแล้วต้องยืดยาวมาก แต่เป็นความเพียรที่ต้องทำแม้ต้องล้มเหลวมาไม่รู้เท่าไหร่ และจุดสิ้นสุดไม่รู้จะอยู่ตรงไหน แต่ต้องทำและท้อไม่ได้




                            คลิ๊กชมยูทูบ Talks at Google


หนังสือ Grit และชื่อเสียงผลงานของเธอนั้น ได้รับเชิญจาก Google ไปพูดถึงหนังเล่มเล่มแรกที่เธอเขียน ซึ่งสามารถติดตามชมในยูทบช่อง Talks at Google นอกจากคลิปของเธอยังมีนักเขียนและคนดังของโลกมานั่งคุยและแบ่งปันประสบการณ์ให้


ความเพียรเป็นสิ่งที่ควรบ่มเพาะลงไปในนักเรียน ให้อดทนต่อความล้มเหลวได้
ความเพียรเหมือนกับการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร ระยะสั้น
ความเพียรคือส่งที่ควรจะเพราะบ่มลงไปมากกว่า IQ
นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เธอพูดในงาน TED และ Talks at Google
แต่ข้อความข้างล่างที่มีตัวเลขกำกับเป็นบทซับไตเติ้ลคำพูดของเธอซึ่งมีคนไทย 2 ท่านได้แก่ Piboon Awasda-ruharote และ Kelwalin Dhanasarnsombut ซึ่งต้องขออภัยที่ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษเพราะไม่ทราบว่าภาษาไทยชื่อของทั้งสองท่านสะกดให้ถูกต้องว่าอย่างไร


สิ่งที่ผมเขียนและนำเสนอผ่านบล๊อคให้ผู้อ่านได้มุมมองและเปิดประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับเรื่องของความเพียรที่ควรใส่ลงไปมากกว่า IQ เพราะเป็นเครื่องมือในการอดทนต่อความล้มเหลวและอุปสรรค
เพราะความล้มเหลวและอุปสรรค สองประการนี้ มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต้องเผชิญ และ
สิ่งที่เธอได้เขียนและวิจัยออกมาเป็นการนำเสนอเรื่องความเพียรและความทรหดอดทนในแบบงานวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าและลึกซึ้งในเชิงที่นำไปปฏิบัติกับชีวิตได้


ชีพธรรม คำวิเศษณ์
บันทึก พุธ 29 มิถุนายน 2559


0:11
ตอนที่ดิฉันอายุ 27 ดิฉันลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาการบริหาร ซึ่งเป็นงานหนักมาก เพื่อไปทำงานที่ยากยิ่งกว่า คือการสอนหนังสือ ดิฉันสอนคณิตศาสตร์ให้เด็กเกรดเจ็ด ที่โรงเรียนเทศบาลเมืองนิวยอร์ค ซึ่งเหมือนครูคนอื่น ดิฉันสร้างแบบทดสอบและข้อสอบ ให้การบ้านและมอบหมายงาน เมื่อเด็กส่งงานมาก็ตรวจให้เกรด
0:35
สิ่งที่ดิฉันแปลกใจคือ ไอคิว ไม่ใช่สิ่งเดียวที่แตกต่างกัน ระหว่างเด็กเรียนดีที่สุดและอ่อนที่สุดของดิฉัน เด็กที่ผลการเรียนดีที่สุดบางคน ไม่ได้มีคะแนนไอคิวสูงเทียมเมฆ แล้วเด็กที่ฉลาดที่สุดบางคนก็ไม่ได้มีผลการเรียนดีนัก
0:53
นั่นทำให้ดิฉันได้ฉุกคิด สิ่งที่เด็กต้องเรียนในชั้นคณิตศาสตร์เกรดเจ็ดนั้น แน่นอน มันยาก อัตราส่วน ทศนิยม พื้นที่ของสี่เหลี่ยมด้านขนาน แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะเป็นไปไม่ได้ และดิฉันก็มั่นใจมากทีเดียวว่าเด็กของดิฉันทุกคน สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ ถ้าพวกเขาพยายามให้หนักและนานพอ
1:15
การสอนนี้ผ่านไปหลายปี ดิฉันเริ่มได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่เราต้องการในแวดวงการศึกษา คือความเข้าใจที่มากกว่านี้ ในตัวนักเรียนและระบบการเรียนรู้ ทั้งในแง่ของการสร้างแรงจูงใจ และในแง่ของจิตวิทยา ในด้านการศึกษา สิ่งหนึ่งเรารู้จักดีที่สุดในการวัด ก็คือไอคิว แต่ถ้าการจะไปได้สวยในโรงเรียนและในชีวิต กลับไปขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น ที่ไม่ใช่ความสามารถในการเรียนรู้ได้เร็วและง่ายล่ะคะ
1:47
ดังนั้น ดิฉันจึงออกมาจากห้องเรียน เพื่อต่อปริญญาโทเป็นนักจิตวิทยา ดิฉันศึกษาเด็กๆ และผู้ใหญ่ ภายใต้โจทย์ที่สุดแสนท้าทายทุกประเภท และในทุกการศึกษาค้นคว้า ดิฉันจะมีคำถามคือ ใครประสบความสำเร็จและทำไม ดิฉันและทีมวิจัยไปที่วิทยาลัยทหารเวสท์พอยท์ เราพยายามที่จะพยากรณ์ว่านายร้อยคนใด จะยังอยู่ฝึกต่อและใครจะลาออก เราไปเยือนการแข่งขันสะกดคำแห่งชาติ พยายามพยากรณ์ว่าเด็กคนไหนจะไปได้ ไกลที่สุดในการแข่งขัน เราศึกษาคุณครูมือใหม่ ที่ต้องทำงานในละแวกที่ยากลำบาก ด้วยคำถามว่า ครูคนใดจะยังคงสอนอยู่ต่อไป เมื่อปีการศึกษาจบลง และในกลุ่มนั้น ใครจะมีประสิทธิภาพที่สุด ในการยกระดับผลการศึกษาของเด็กที่สอน เราร่วมมือกับบริษัทเอกชน ด้วยการถามว่า เซลส์คนใดจะยังรักษางานไว้ได้ และใครจะเป็นผู้ที่ทำรายได้สูงสุด จากบริบทที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ มีคุณสมบัติหนึ่งโดดเด่นขึ้นมา ที่จะช่วยพยากรณ์ความสำเร็จได้ชัดเจนมาก และมันไม่ใช่ความฉลาดในการเข้าสังคม ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่ดูดี ไม่ความแข็งแรงของสุขภาพ และมันไม่ใช่ไอคิว แต่คือ ความเพียร
3:00
ความเพียร แปลว่าฝักใฝ่ใคร่รัก ทุ่มเท และบากบั่นฟันฝ่า เพื่อเป้าหมายระยะยาว ความเพียร คือความทรหดอดทน ความเพียรคือการมุ่งมั่นไปข้างหน้า วันแล้ว วันเล่า ไม่เพียงแค่สัปดาห์ ไม่เพียงแค่เดือน แต่เป็นปี และทำมันอย่างหนัก เพื่อให้อนาคตที่ฝันกลายเป็นจริง ความเพียร คือการใช้ชีวิตแบบวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งระยะสั้น
3:26
ไม่กี่ปีนี้เองที่ดิฉันเริ่มศึกษาความเพียร ในโรงเรียนเทศบาลชิคาโก ดิฉันขอให้เด็กจูเนียร์ไฮสคูลนับพันคน ทำแบบสอบถามความเพียร แล้วรอดูผลในอีกปีกว่าถัดมา เพื่อดูว่าใครจะเรียนจบ ผลคือเด็กที่มีความเพียรมากกว่า มีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่า ที่จะเรียนจบ แม้ตอนที่ดิฉันเปรียบเทียบกับลักษณะอื่นที่สามารถวัดได้ เช่นรายได้ครอบครัว คะแนนทดสอบความสำเร็จที่เป็นมาตรฐาน แม้กระทั่งความรู้สึกของเด็กว่าปลอดภัยแค่ไหนเวลาไปโรงเรียน ฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ที่เวสท์พอยท์หรือการแข่งสะกดคำแห่งชาติ ที่ความเพียรเป็นปัจจัย โรงเรียนก็ด้วย โดยเฉพาะกับเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะลาออก สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับดิฉันเกี่ยวกับความเพียร คือเรารู้จักมันน้อยมาก วิทยาศาสตร์รู้จักวิธีสร้างเสริมมันน้อยมาก ทุก ๆ วันมีผู้ปกครองและครูมาถามดิฉัน "เราสร้างบ่มเพาะความเพียรในเด็ก ๆ ได้อย่างไร เราต้องสอนอะไรให้เด็กมีจรรยาบรรณในการทำงาน เราจะคงแรงจูงใจในระยะยาวให้เด็ก ๆ ได้อย่างไร" ตอบอย่างจริงใจนะคะ ดิฉันไม่ทราบ (หัวเราะ) แต่ที่รู้แน่ ๆ คือ พรสวรรค์ ไม่ช่วยให้มีความเพียร ข้อมูลของเราแสดงไว้อย่างชัดเจน ว่ามีผู้มีพรสวรรค์มากมาย ที่ไม่ทำภาระผูกพันของตนให้บรรลุผล ที่จริงข้อมูลของเราชี้ว่า ความเพียรนั้นไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวข้องอย่างสวนทางกับพรสวรรค์ด้วยซ้ำไป
4:51
จนวันนี้ ไอเดียดีที่สุดที่ดิฉันเคยได้ยิน เกี่ยวกับการสร้างเสริมความเพียร คือสิ่งที่เรียกว่า ความเชื่อในการเติบโต เป็นไอเดียที่พัฒนาขึ้นที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดย แครอล ดเว็ก (Carol Dweck) ซึ่งเป็นความเชื่อที่ว่า ความสามารถในการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว และเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความพยายามของคุณเอง ดร.ดเว็กได้แสดงว่าเมื่อเด็กอ่านและเรียนรู้ เกี่ยวกับสมองและ การเปลี่ยนแปลงและเติบโตของสมอง ในการตอบสนองกับสิ่งท้าทาย พวกเขามีความเป็นไปได้สูงที่จะบากบั่นต่อไปเมื่อพวกเขาล้มเหลว เพราะพวกเขา ไม่เชื่อว่า ความล้มเหลว เป็นสภาวะที่ถาวร
5:27
ดังนั้น ความเชื่อในการเติบโต เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยม ในการบ่มเพาะความเพียร แต่เราต้องการไอเดียมากกว่านี้ และดิฉันขอจบการพูดของตัวเองลงตรงนี้ เพราะนี่คือตำแหน่งที่เราอยู่ เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญและทำต่อไปในเบื้องหน้า เราจำเป็นต้องนำไอเดียที่ดีที่สุด ความคิดริเริ่มที่ชัดเจนที่สุด แล้วนำสิ่งเหล่านั้นมาทดสอบ เราต้องวัดผลว่าเราทำสำเร็จแล้วหรือยัง เราต้องเปิดใจที่จะล้มเหลว ผิดพลาด เพื่อจะได้เริ่มใหม่ ด้วยบทเรียนที่เรียนรู้มา
5:54
ในอีกนัยหนึ่ง เราเองต้องฝ่าฟันด้วยความเพียร ในการสร้างให้เด็ก ๆ ของเรามีความพากเพียรยิ่งขั้น
6:01
ขอบคุณค่ะ
6:02

เสียงปรบมือ

ความคิดเห็น