ชวนครูบาอาจารย์ทั่วประเทศไทยเขียนตำราและหนังสือกับสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


การเขียนการผลิตและการเผยแพร่ตำรา หนังสือวิชาการระดับอุดมศึกษา 
 วันที่ 8-10 มิถุนายน พ.ศ. 2559 โรงแรมฮอลิดี ณ วารีคุณจอมเทียนบีชพัทยา  จ. ชลบุรี 
                                                     http://chulapress.com/2014/?p=4910




ก่อนที่ใครสนใจไปอบรมกับทางสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขอเขียนอะไรที่เป็นความในใจสักนิดนึง ก็ขอเชิญชวนอ่านกันครับ เป็นสิ่งที่อยากระบายออกมาในสังคมออนไลน์
ผมชีวิตของผมอยากเห็นครูบาอาจารย์ในต่างจังหวัดมีชื่อเสียงเหมือนกับอาจารย์ในกรุงเทพฯ และมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่มีชื่อเสียง
ผมเป็นลูกอาจารย์มหาวิทยาลัยครับ ผมเกิดและเติบโตจนกระทั่งจบปริญญาตรี ในบ้านพักอาจารย์วิทยาลัยครูเชียงใหม่ ปัจจุบันคือสถาบันราชภัฏเชียงใหม่ หลังจากที่ผมมีประสบการณ์ในชีวิตมากขึ้นและศึกษาเรื่อง Personal Branding  หรือการทำตัวของเราเหมือนแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและจดจำ
ซึ่งชีวิตของผมก็ใช้ทฤษฏีแบรนด์ดิ้งมาประยุกต์ใช้ตามสมควร  เพราะชีวิตของผมเป็นฟรีแลนซ์รับจ้างไม่มีสังกัด ใครจะจ้างผมก็ต้องคิดถึงผมชื่อเสียงและผลงานของผมเท่านั้น ไม่มีชื่อสังกัดอื่นให้จดและจำ 
ถ้าหากผมไม่มี Personal Branding ก็คงอดตายไปแล้วครับเพราะไม่มีเงินเดือนประจำ เงินทองที่ได้มานั้นก็เกิดจากการที่สถาบันหน่วยงานกระทรวง ทบวงกรม บริษัท ให้เกียรติผมได้ไปรับใช้สอนความรู้โซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์ ,โซเชียลมีเดียเพื่อการศึกษา , สมาร์ทโฟนกับชีวิตประจำวัน และหัวข้ออื่นๆ ตามที่เห็นว่าผมจะบรรยายให้กับเขาได้



          
                        คลิปความในใจของผู้เขียนต่อชีวิตครูบาอาจารย์หลังเกษียณ



ชีวิตของผมยังมีบุญวาสนาที่มีอายุจนถึงรุ่นพ่อแม่เกษียณ ไม่ตายไปซะก่อนวัยอันควร
ผมพบว่าหลังจากที่อาจารย์รุ่นเดียวกับคุณพ่อของผมครบเกษียณอายุราชการนั้น ปรากฏว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีสถาบันการศึกษาจ้างต่อครับ ซึ่งหมายรวมถึงคุณพ่อของผมด้วยแต่ท่านก็ยังโชคดีมีสถาบันการศึกษาว่าจ้างอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากนัก  ซึ่งการเป็นอาจารย์นั้น ถ้าไม่ดังจริง ๆ แบบบิ๊กเนมก็ไม่ค่อยมีใครจ้างครับ ขึ้นอยู่กับวิชาที่สอนด้วย

ยิ่งเป็นอาจารย์ในต่างจังหวัดด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง เพราะตอนที่ยังมีกำลังวังชาอาจไม่ได้สร้าง Personal Branding ซึ่งการเป็นครูบาอาจารย์นั้นจะมีชื่อเสียงเป็นขจรขจายเป็นที่รู้จักนั้น ก็คือการออกสื่อ โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์เขียนถึง เขียนบทความ และการเขียนตำราวิชาการตีพิมพ์ออกขายให้ประชาชนได้อ่านกัน เมื่อไม่มีตำราในแบบที่ตีพิมพ์ขายทั่วประเทศวางขายในร้านหนังสือใครเล่าจะไปรู้จักความเก่งของตนเองว่ามีดีอะไรบ้างให้เชิญชวนไปสอน ต้องมีดีมีของปล่อยออกมาให้สังคมได้เห็นผลงาน ซึ่งในยุคอดีตกว่า 20 ปีก่อนนั้นก็น่าเห็นใจนะครับโลกของงานเขียนอาจจะยังไม่เปิดกว้างมาก และเชื่อว่าช่องทางอาจจะน้อยไม่เหมือนทุกวันนี้  


ผมจึงอยากขอเชิญชวนครูบาอาจารย์ในต่างจังหวัด อย่าไปสนใจว่าท่านอยู่โรงเรียนเล็กหรือใหญ่ สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงหรือไม่มีชื่อเสียงจะเป็นเอกชนหรือรัฐบาล อย่าไปสนใจ ถ้าเราเป็นของจริงมหาชนจะเป็นผู้ตัดสินเราด้วยผลงาน ถ้าคิดว่าตัวเองมีดีแล้วก็มาเขียนเถอะ ยิ่งพวกครูที่ทำ คศ.3 นั้น น่าจะลองมาเขียนตำราวิชาการขายเพื่อสร้างแบรนด์ให้กับตัวเองจะเขียนในกับสำนักพิมพ์ไหนก็ได้ แต่ผมอยากจะขอให้เริ่มต้นกับทางสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ครับ และที่สำคัญบนโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ Facebook, Twitter , Youtube, Instagram ฯลฯ ต้องมีให้จงหนักให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์


ผมไม่อยากเห็นครูบาอาจารย์ หลังเกษียณแล้ว ไปขายตรง ไปทำสวน หรือไปทำอะไรที่ไม่อยากทำ ถ้าเขายังรักการสอนหนังสือ แต่ไม่มีใครจ้าง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเห็นใจมาก ๆ ครับ


คลิปนี้ผมได้พูดบนรถบัส วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2559 ระหว่างเดินทางไปอุโมงค์กู๋จี  เมืองโฮจิมินท์ ประเทศเวียดนาม  ร่วมกับคณะนักเขียนของสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผมได้รับเกียรติร่วมเดินทางไปด้วยและได้พูดความในใจในสิ่งที่ผมอยากเห็นกับวงการศึกษาของไทยและชีวิตของครูบาอาจารย์หลังเกษียณชีวิตราชการเพื่อให้มีงานทำงานสอนต่อไปครับ


สุดท้ายนี้ก็ขอเชิญชวนครูบาอาจารย์ผู้มีใจรักและปรารถนาที่จะมีงานเขียนผลงานวิชาการ
ออกไปเป็นความรู้กับสังคมไทยมาเขียนได้ครับ  ก็ลงมือเขียนครับให้เป็นต้นฉบับ
เขียน เขียน เขียน เท่านั้น  เขียนในสิ่งที่ท่านเก่ง ไม่มีใครสู้ได้ ไม่มีตีพิมพ์ขายในตลาดยิ่งดี
หรือถ้ามีก็ต้องเขียนให้ดีกว่าคนอื่นให้ได้ครับ


ผมเอาใจช่วยทุกท่านครับ

ชีพธรรม คำวิเศษณ์
จันทร์ 16 พฤษภาคม 2559

อ่านบล๊อคเพิ่มเติม

ความคิดเห็น