ทดสอบ Nostalgia หยิบภาพเก่าเล่าอดีตที่มีความสุขเพิ่ม Self Esteem

                      
                               คลิปยูทูบ Nostalgia หยิบภาพเก่าและเสียงดนตรีรำลึกอดีตที่มีความสุข


Memoir Writing เป็นการเขียนบันทึกความทรงจำทั้งทุกข์และสุข  ผมสนใจศาสตร์นี้มาก
เพราะไม่พบเห็นในเมืองไทยว่าสอนกันที่ไหน ไม่ใช่การบันทึกไดอารี่ แต่ลึกซึ้งไปมากกว่านั้น
รถจักรยานคันแรก การพบรักของพ่อแม่  ความรักและอกหักครั้งแรก  การได้งานทำครั้งแรก การถูกไล่ออกจากงาน เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก  ความตื่นเต้น ความสุขที่สุดในชีวิต ความรัก ความเกลียด เราเคยบันทึกสิ่งนี้ไว้บ้างหรือไม่ เป็นประวัติศาสตร์ส่วนตัว Personal History และประวัติศาสตร์ของครอบครัว Family History


ภาพยนต์ Back to the Future ผลงานของสตีลเว่น สปิลเบริ์ค นำเรื่องการหวนอดีตย้อนเวลาจากอนาคตกลับไปหาอดีต ได้จินตนาการเป็นภาพยนตร์เมื่อ 32 ปีที่ผ่านมา
ผมได้อ่านใน wikipedia ได้ความว่าพล๊อตเรื่องมาจากผู้เขียนบทกลับไปยังบ้านแล้วเห็นรูปถ่ายของพ่อในวัยเรียนและชีวิตในอดีตของพ่อจึงได้แรงบันดาลใจในการทำหนังเรื่องนี้


ในที่สุดก็ไปเจอคำว่า Nostalgia  ค้นหาได้จาก wikipedia  คือคิดถึงหวนรำลึกถึง โรคคิดถึงบ้าน เราทุกคนมีความทรงจำทั้งนั้น  เรามองไม่เห็นอนาคตที่ยังไม่มาถึงแต่เราคิดถึงอดีตได้ผ่านมาแล้วในชีวิตทั้งสุขและทุกข์ สมหวังและไม่สมหวัง ดีและร้าย
เสียงดนตรีเสียงเพลงมาครั้งใด เรียกคำทรงจำเก่าๆ ได้ทั้งนั้น  ภาพถ่าย  ผู้คน สถานที่ เรียกความทรงจำได้ทั้งหมด  ภาพถ่ายบนเฟซบุ๊ค บนไลน์ และ โซเชียลมีเดียต่างๆ วันข้างหน้าก็จะกลายเป็น Nostalgia


Nostalgia ผมลองอ่านไปเรื่อยๆ ความทรงจำในอดีตด้านความสุข สามารถเข้ามาช่วยเยียวยาชีวิตจิตใจของมนุษย์ได้ (ในความเห็นของผม)  มนุษย์ทุกคนมีจุดเปราะบาง มีความผิดพลาดล้มเหลวต่างๆ เข้ามาในชีวิต ความรุนแรงมากน้อยไม่เหมือนกัน บางครั้งลบหายไปจากจิตใจบางครั้งไม่เลือน
ยกตัวอย่าง นักชกมวยสากลสมัครเล่นของไทย ไปแข่งขันโอลิมปิค Rio2016 ที่บราซิล ปรากฏว่าชกเสร็จถูกตัดสินค้านสายตา นั่นคือความผิดหวัง ชนะกับแพ้ มีผลต่างกันอย่างยิ่งต่ออนาคตของตนเองและครอบครัว แพ้ก็เหมือนกับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เพราะโอลิมปิคครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในกรณี ของสายลม อาดี นักชาวชาวขอนแก่น ต่อยโอลิมปิคมาครั้งที่3 แล้วและในที่สุดเขาก็ทำไม่ได้ตกรอบไป
แต่สามารถผ่านรอบแรกเข้าไปได้ทั้งที่ต่อยโอลิมปิคมา 2 ครั้ง ไม่ผ่านรอบแรก

ภาพยายกับแม่ ต้นปี พ.ศ.2493



ผมได้ทดสอบ Nostalgia และ Memoir Writing กับคุณยายของผมวัย 90 ปี ซึ่งอยู่ที่บ้าน เมื่อผมเป็นเด็กที่บ้านมีภาพขาวดำเก่าๆ อยู่ในกล่องขนมปังกลมๆ แบบโบราณ ไม่มีใครสนใจ
เป็นภาพเก่าๆ ของยายกับตา และครอบครัว  ยายดูดีมาก เป็นคุณนายป่าไม้ แต่ภายหลังต้องเลิกกับตา เนื่องจากปัญหาหลายๆ อย่าง เธอต้องรับผิดชอบลูก 5 คน ในวัย 32-35  ปีจำเวลาได้ไม่แน่นอน
และจากนั้นยายไม่เคยมีครอบครัวใหม่อีกเลย รับผิดชอบเลี้ยงลูกด้วยการหาบขนมจีนขายแถวตลาดข่วงสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นเวลาหลายปีกว่าลูกจะเรียนหนังสือจบการศึกษา


ความจริงแล้วผมต้องรับมรดกความยากลำบากต่อจากคนรุ่นก่อนก็คือยายของผม
เคยคุยล้อเล่นกับยายว่า "ไหนยายลองทำท่าหาบขนมจีนขายให้ดูหน่อยดิ ผมไม่เคยเห็นยายลำบาก เป็นเรื่องจริงหรือ" ผมแกล้งถามไปอย่างนั้นด้วยความคึกคะนอง แต่ผมเองก็เคยเห็นภาพขาวดำเก่าๆ
ภาพถ่ายคือยายของผมหาบขนมจีน 2 ขายจริงๆ คงหนักมาก และการหาบขนมจีนขายครั้งนั้นส่งผลให้ยายมีหลังที่โค้งงอ  แล้วเธอก็เคยคุยกับผมว่า
"อย่าให้ลูกหลานไปแบกของหนักเน้อ ยายแบกมาแล้ว"​
แต่ยายก็ไม่ได้บอกว่าแบบอะไร
เย็นวันนั้นแม่กลับมาถึงที่บ้าน
"ลูกรีบกลับไปขอโทษยายนะ ที่ไปถามแกว่าไหนทำท่าหาบขนมจีนให้หน่อย คำถามนี้แกเจ็บปวดมาก"
แต่ผมก็ไม่ได้ไปขอโทษอะไรเพราะคิดว่าไม่ได้ผิด และผมตั้งใจถามไปจริงๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นแบบคิดไม่ถึงว่ายายจึงคิดมากขนาดนั้น
แต่ผมเป็นเด็กที่เกิดมาโชคดี เมื่อผมเกิดมาความลำบากได้ค่อยจางลงไปแล้ว ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่ทำให้ผมมีความสุขในวัยเด็กอย่างยิ่ง


แรงผลักดันอีกอย่างเกียวกับ Memoir Writing และ Nostalgia ก็คือ ผมอยากจะรู้อดีตของบรรพบุรุษตัวเอง เกี่ยวกับพ่อแม่ ถึงรู้ก็รู้ผิวเผินไม่ลึกซึ้งอะไร  ผมอยากรู้จักประวัติของยายให้มากกว่านี้ ว่าทำไมตอนผมเป็นเด็ก ยายของผมถึงมีอารมณ์โมโหร้ายมากในบางเวลา แม้ตอนงานศพของตาในปี พ.ศ.2528 ยายก็ยังไม่ไปร่วมเผาศพตาเลย แม้ว่าภาพที่ผมเห็นในวันแรกที่ทราบข่าวว่าตาของผมเสียชีวิต แม่ร้องไห้หนักมาก และเราต้องนั่งรถ บขส. จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ เพื่อไปปลงศพตา
ยังมีอีกหลายเรื่องเช่น แม่ผมเรียนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ทำไมไม่เห็นมีรูปแม่รับปริญญา  น้าผมเล่าให้ฟังว่า แม่กำลังท้องผมและตัดสินใจไม่รับปริญญา จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ผมก็อยากทราบคำตอบ  หรือผมอยากรู้ว่า พ่อกับแม่ผมจีบกันที่ไหนและเจอกันได้อย่างไร ผมก็ไม่กล้าถามพ่อกับแม่  แต่เลี่ยงไปถามน้าแทน


หลังจากที่ผมพอศึกษาทฤษฏีทั้งสองเรื่องแล้ว ผมนำภาพเก่าๆ ที่มีอยู่คัดเฉพาะเก่าแบบสุด ๆ มาเก็บไว้ก่อน แล้วเลือก 2 ภาพ เป็นภาพ ยายอุ้มเด็ก  ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร และอีกภาพ เป็นภาพของตาอุ้มเด็กที่เอว ริมชายทะเล และมีเด็กเล็ก ๆ 2 คนยืนหันลังอยู่


ผมหยิบกล้อง Gopro เพื่อให้ได้มุมภาพและเหมือนกับแอบถ่ายไม่ให้ยายรู้ตัว  ลึก ๆ ผมต้องการให้ความสุขในความทรงจำที่ดีของยายไว้  กดปุ่มแดงบันทึก วิ่งลงบันไดไปที่โต๊ะอาหารยายกำลัง
จะทานอาหารเช้า
"ยาย แป๊บนึง อย่าเพิ่งทานอาหารขอถามอะไรหน่อยครับ"
แล้วผมก็หยิบภาพให้ยายดู
"ภาพนี้ถ่ายที่ไหนนิ"
ยายยิ้ม แบบมีความสุข
"ภาพนี้กำลังท้องน้าเล็ก อยู่แม่ขอเธอได้ 7-8 เดือนแล้ว"
"ใครเป็นคนถ่ายครับยาย" ผมถามต่อ
"ตาเธอถ่าย เขาเป็นคนเล่นกล้อง"
ผมบันทึกภาพไปเรื่อยๆ ตั้งคำถามเกี่ยวกับ Memoir Writing ผมได้ข้อมูลชีวิตของยายเพิ่มขึ้นได้เรียนรู้เรื่องราวของแม่ในอดีตเป็นเหตุการณ์เมื่อ 67 ปีที่แล้ว
บนโต๊ะอาหารพ่อของผมขอดูรูปหน่อย
"ลูกไปเอามาจากไหน พ่อก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน"


เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง แม่เดินลงมาจากห้องนอน แม่ใช้เวลาช่วงเช้าติดต่องานมากทางโทรศัพท์
ในวัย 67 ปี ของแม่ยังทำงานหนักเพราะสิ่งที่รับผิดชอบมีอยู่มากๆ และเป็นเกมส์ใหญ่ขึ้นผมสงสารแม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นวิถีชีวิตของแม่ และเป็นสิ่งที่แม่ชอบแม้ว่าแต่ละเรื่องจะเครียดที่ส่งผลถึงสุขภาพกายและใจ

ภาพถ่าย ตา แม่ และ น้า หาดเจ้าสำราญ ราว ปี พ.ศ.2497



แม่กำลังอุ่นอาหาร ผมรีบหยิบภาพและกล้อง Gopro ถามแม่คำถามเดียวกับยาย
หลังจากมองภาพแม่มีความสุขและภาพที่ตาอุ้มเด็ก แม่กับยายเห็นไม่ตรงกัน
ค่อยๆ มีชื่อผู้คนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหลุดออกมา
"แม่จำได้ เด็กผมเปียชุดอนุบาลยืนหลังคือแม่ เป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนอรุณประดิษฐ์เพชรบุรี
ชายทะเลก็คือหาดเจ้าสำราญ คุณตาทำงานที่ป่าไม้เพชรบุรี"
ความทรงจำของแม่ในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง  ซึ่งตอนแรกก็ยังสับสนข้อมูลความทรงจำกับยาย
ถามไปถามมาสุดท้ายก็ตรงกัน


ผมดีใจมากที่โปรเจคการทดลองของตนเองเรื่อง Memoir writing และ Nostalgia ผ่านไปด้วยดี
รีบนำวีดีโอมาตัดต่อคลิปขึ้นยูทูบและเขียนบล๊อค เผื่อใครสนใจในการย้อนอดีตหาความสุข


หลายครั้งที่ความผิดพลาดล้มเหลวได้ทำลายความรู้สึกตัวตนได้ความสำเร็จบางอย่าง
ทำลายกัดกร่อนพลังใจในชีวิต ตำหนิตนเอง ไม่มีกำลังใจในชีวิต
ผมเชื่อว่าบางมุมของอดีตที่ประสบความสำเร็จมาในตัวของเรา หรือจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิคที่ยกตัวอย่างขึ้นมา ถ้าหากนำมุมของความสุขและความสำเร็จมาก็จะช่วยสร้างเสริมพลัง
Self Esteem การนับถือชื่นชมตนเองขึ้นมา ซึ่งผมต้องขอขอบพระคุณ ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นอ.ดร.อุษา โพนทอง กระทรวงกลาโหม ที่ทำให้ผมรู้จัก
การนับถือตนเองขึ้นมาหลังจากที่ตกอยู่หลุมมืดกับการดูถูกตนเองมาตลอด ไม่พบกับความสุขด้านดีของตนเอง
ชมคลิป สัมภาษณ์ การพูดกับตัวเองในแง่บวก Self Esteem
 


ความสุขในความรักแบบ Romantic in Love เป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตแต่ถ้าตรวจสอบวิเคราะห์กันให้ดีแล้ว เป็นช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ  ถ้าหากใครโชคดีจบแยกทางกันไปได้สวย
ไม่เจ็บปวด หรือความรักที่สวยงามไว้ให้หวนรำลึกถึง บางคู่จบด้วยบาดแผลแห่งความเกลียดชัง
บางไม่ขอเผาผีกันเลย แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าความรักโรแมนติคที่ผ่านมาช่วยสร้างสรรค์สิ่งสวยงามและความสุขให้กับจิตใจได้อย่างดี




เสาร์ 13 ส.ค. 2559 น้องที่รู้จักคนหนึ่งขอนัดมาทานอาหาร เธอกำลังเปราะมากจากการตกหลุมรักชายหนุ่ม และ อกหักหลังจากกลับจากทริปต่างประเทศแล้วไม่สมหวังในความรักซึ่งเธอต้องการกำลังใจในการเยียวยา เธอมารับผมที่บ้านเพื่อไปหามื้อเย็นทานกัน
เธอขอให้ผมเล่นเปียโนให้ฟังหน่อย
"พีไ่ตรหนูอยากฟังพี่เล่นเปียโนสักเพลง ไหนๆ มาบ้านพี่แล้ว"
"มีอยู่สองแบบ แบบแรกเล่นเอง แบบที่สองเปิดไอแพดเล่นใช้เทคโนโลยีช่วย
เธอขอเพลง น้ำตาแสงใต้ บอกว่าคุณตาชอบ และผมก็ได้เล่นเพลง เสน่หาให้ฟัง
ปิดท้ายด้วย   เพลงหนี้รัก  ของครูสง่า อารัมภีร์  ดนตรีดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องเพราะๆ ของ
คุณปุ้ม อรวรรณ เย็นพูนสุข ผมก็เล่นเปียโนคลอตาม
เนื้อเพลงเพราะมากครับ ขออนุญาตนำเสนอ


หากจะรักแล้ว รักใครก็จงรักเธอ
ความรักบรรเจิด พริ้งเพริดหนักหนา
ชีวิตคนเรา นั้นสั้นเหลือคณา
อย่ารอช้า ปล่อยเวลาให้ผ่านไป
หากมีหนี้แล้ว ขอให้เป็นหนี้รักเถิด
ดอกเบี้ยที่เกิดคือพลังรักพิไร
รักเธอเสมอรักเธอจากดวงใจ
ยอดพิสมัยหลอมอยู่ในกายเธอ
หากวันใดที่แสงทองชีวิตผ่าน
โลกตระการจะมืดคลื้มหมองหม่อ
วาระนั้นจะได้อดีตไฟรักปรนเปรอ
หล่อเลี้ยงบำเรอต่อชีวิตให้ชื่นบาน
หากเป็นหนี้แล้ว ขอให้เป็นหนี้รักเธอ
หนี้รักบรรเจิด พริ้งเพริศแสนหวาน
รักกันเสมอแม้เวลาพ้นผ่าน
สองเราสราญเพราะหนี้รักสลักใจ


ผมเป็นมนุษย์ผมมีความรัก ผมยังไม่อยากเป็นพระอรหันต์ ยังไม่อยากไปนิพพาน แต่ผมเจ็บปวดกับสิ่งเหล่านี้มาเยอะมาก ทั้งตัวของผมเองและคนที่ผมรักและรักผม ในที่สุดเราต้องจากกันไปตามที่โชคชะตาได้ลิขิตได้ ขอความรักให้มีมุมมองของความสุข เวลาผมเหงาคิดถึงความรักที่หวานซึ้งครั้งใดผมจะไปนั่งหน้าเปียโนและเล่นเพลงหนี้รักครับ


และที่ร้านอาหารก่อนมื้อเย็นเช็คบิลจ่ายเงินผมบอกเธอว่า
"เรายังต้องพบความรักอีกหลายครั้ง  เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ให้มีความสุขกับความรักเถอะ"


กลับมาที่บ้านสามทุ่มกว่า เดินไปดูยายนอนหลับบนเตียง
ผมยังจำภาพที่ยายของผม เอื้อมมือลงไปในโลงศพลูบหน้าลูบผม ร่างอันไรวิญญาณ ของน้าชาย ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของยาย ที่เสียชีวิตไปกว่า 10 ปีแล้ว
ผมเคยถามยายว่า
"คิดถึงน้าโป่งไหม"
"ถามหว่าวๆ (โง่ในภาษาเหนือ) ลูกใครจะไม่คิดถึง"
ที่ถามไปเพราะว่ายายบวชชีสวดมนต์ภาวนาเกือบทุกคน แต่ที่ไหนได้คิดถึงลูกชายคนเดียวอยู่เสมอ
แต่เมื่อตายไปแล้วจะทำอย่างไร


เราทุกคนต้องจากกันครับ ภาพเก่าๆ ความทรงจำที่มีความสุข
Memoir Writing และ Nostalgia  หยิบปากกามาเขียนหรือบันทึกผ่านโซเชียลในสมาร์ทโฟน

หรือนำภาพเก่าๆ มาบันทึกบุคคลที่เกี่ยวข้องในชีวิตเพื่อเรียกร้องความสุข เป็นจิตวิทยาเชิงสร้างสรรค์ให้กับชีวิตครับ

บันทึก
ชีพธรรม คำวิเศษณ์
อังคาร 16 สิงหาคม 2559

ความคิดเห็น