จิตใต้สำนึกเหมือนกับพื้นบ้านต้องหมั่นปัดกวาด

พื้นบ้านเปื้อนฝุ่นอยู่ตลอดเวลา 


ที่บ้านคุณแม่ของผม ว่าจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละ 3 วัน
ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ก็มาทำความสะอาด ตื่นเช้ามาผมเดินลงไปข้างล่าง พื้นบ้านเพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวาน ใสราวกระจก ผ่านมาไม่ถึง 12 ชั่วโมง เต็มไปด้วยฝุ่น กว่าแม่บ้านจะมาก็อีก 2 วัน
ทนเห็นความเปื้อนฝุ่นไม่ได้จึงหยิบไม้กวาดมากวาด
ได้คติสอนใจตนเองว่า จิตใจที่มีความสุขต้องหมั่นฝึกฝนชำระล้างจิตใจให้สดสะอาด ด้วยการอย่านำความเครียดเข้าไปในจิตใจ หรือถ้าเครียดก็ต้องมีสติ ไม่คิดฟุ้งซ่านต่อ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่พยายามฝึกฝนครับ จึงได้นำมาเขียนเล่าสู่กันอ่านผ่านบล๊อค

อารมณ์ ( Emotion) ปัญหา (Problem) ความเครียด (Stress) ความทุกข์ (Suffering)
เป็นความขุ่นมัวที่เข้ามาในจิตใจอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตืนนอน จนกระทั่งเข้านอน
ในแต่ละวัน มนุษย์เราทุกข์คนต้องเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่จับต้องไม่ได้อยู่ตลอดเวลา
ปะทะ เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาทุกสภาวะ ใครรับรู้เท่าทัน ก็ดีไป ใครไม่รู้เท่าทัน
ความเครียดปัญหา ต่างๆ ก็จะฝังตัวลงไปในจิตใต้สำนึกลึก ๆ สะสมไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
เราอาจจะกลายเป็นบ้าได้

มนุษย์เมืองกรุง คนกรุงเทพ ตาลีตาเหลือก ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อหนีรถติด ระหว่างทางบนถนน
ขับรถเองก็ต้องมีเพื่อนร่วมทางที่บาดหน้าเบียดซ้ายขวา ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ เปิดฟังวิทยุฟังข่าว
ที่ไม่น่าชอบใจก็สบถด่า อาหารเช้าที่กินเข้าไปยังชีพ เจอของอร่อยก็ดีไป เจอของไม่ถูกปากก็บ่นอีก
เข้าไปที่ทำงาน เจอเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่ชอบหน้าและไม่ชอบก็ต้องฝืนสวัสดียิ้มให้
ทั้งที่ในใจหน้ายังไม่อยากมอง เมื่อเข้าประชุมก็ต้องปะทะกันทางความคิด
นี่เรื่องที่ทำงาน ยังมีเรื่องลูกเต้า ถ้าลูกดีก็ดีไป ถ้าลูกสร้างแต่ปัญหาหนักอกอยู่ตลอดเวลา
ถ้าฝั่งของธุรกิจ เศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าหดหาย เงินเดือนพนักงานก็ต้องจ่าย
รายได้ไม่พอกับรายจ่าย นี่ก็ทุกข์หนัก เป็นข้าราชการถูกย้ายไม่เป็นธรรม หรือถูกย้ายไปอยู่ที่ไม่ได้ดั่งใจก็ต้องทนทำงานอยู่ไปแบบซังกะตายไปวันๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ
เป็นฟรีแลนซ์ไม่มีคนจ้างงานหด เป็นนักเขียนอยู่ ๆ แม็กกาซีนนิตยสารก็ปิดตัว
ต้องเริ่มหางานกันใหม่ ความทุกข์วนเวียนอยู่ตลอดเวลา
กำลังจะได้เงินอยู่ๆ ก็ไม่ได้เงิน หรือกำลังจะไม่ได้เงินอยู่ๆ ก็ได้เงินมา
เพราะฉะนั้นมนุษย์ทุกคนเป็นผู้ร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกับบทแผ่เมตตา
ที่สวดมนต์หน้าเสาธงในโรงเรียนทั่วไป

เพราะฉะนั้นก็มีกรรมวิธีง่าย ๆ ที่เราจะลบล้างสิ่งเหล่านี้ไม่ให้สะสมลงไปในจิตใต้สำนึกของเรา
อันไหนลบได้ก็ลบออกไปเลย อันไหนลบไม่ได้ ก็ค่อยๆ ถูกค่อยๆ ขัดให้ออกไปจากจิตใต้สำนึกของเรา

ผมเป็นพวกนักบุญคนบาป ไม่ได้เขียนสอนธรรมะนะครับ แต่อยากจะเล่า เพราะตัวผมเองก็เป็นพวกที่เจอกับสิ่งเหล่านี้มาตลอด หลังๆ ใช้วิธีการป้องกันความทุกข์ก่อน อะไรจะเกิดขึ้นก็บล๊อคไว้ไม่ให้เกิด

เพราะฉะนั้นที่เขียนมาทั้งหมด ก็อยากจะเล่าว่า จิตใจหรือจิตใจสำนึกของเราเหมือนกับพื้นบ้าน
ต้องหมั่นทำความสะอาด ชำระจิตใจอยู่ตลอดเวลา ใครมีเทคนิคอะไรที่ทำแล้วสบายใจ
ก็จงทำไปเลย ภาษาวัยรุ่นยุคนี้เขาพูดว่า "เอาที่สบายใจเลยครับพี่" ตามนั้นเลยครับ

บันทึก จันทร์ 20 มิ.ย. 2559

ความคิดเห็น