Sitting Meditation เรานั่งสมาธิทำไมและเริ่มต้นปฏิบัติอย่างไร



 เด็กชายชาวเยอรมัน นั่งสมาธิ 
ภาพจากหนังสือ จารถ ภิกขเว จาริกัง 

ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะหาญกล้าเขียนเรื่องการนั่งสมาธิได้หรือไม่อย่างไร เพราะตัวเองเป็นผู้มีกิเลสหนา ชอบดื่มเบียร์ เหล้า ไวน์ กระทิงแดง เอ็ม150 สตาร์บัค ตามแต่โอกาส  ถ้าถือศีล 5 ข้อโดยเคร่งครัด เอาเป็นว่าแทบจะไม่ครบสักข้อในแต่ละวัน แต่ก็อยากเป็นอุบาสกที่ดีในพระพุทธศาสนา ไม่เบียดเบียดใคร รับผิดชอบตัวเองตนเป็นที่เพิ่งแห่งตน


ผมเห็นพ่อของผมชอบดูยูทูบเกี่ยวกับธรรมะ ผู้สอนธรรมะทางยูทูบส่วนใหญ่แล้วที่เป็นฆราวาสไม่ได้ห่มผ้าเหลือง เป็นบุคคลดีมีศีลธรรมสูงมากเหลืออย่างเดียวยังไม่ได้บวชพระแค่นั้น ผมจึงมีไอเดียอยากจะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ คนเป็นมนุษย์ธรรมดาชั่วดีเลวมาเขียนเรื่องการนั่งสมาธิมาเล่าให้ฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยตามกำลังสติปัญญาของผู้เขียนที่ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรให้ได้อ่านและลองไปปฏิบัติกันบ้างตามสะดวกของท่านผู้อ่านแต่ละท่าน

เขียนบล๊อคนั่งสมาธิบนเตียงนอน



ขณะที่กำลังเขียนบล๊อคให้ท่านได้อ่านกันเพิ่งเสร็จจากนั่งสมาธิเสร็จสิ้นทั้งหมด 9 นาทีเท่านั้น ผมนึกถึงคำสอนของหลวงปู่ทอง สิริมังคโล อาจารย์ผู้สอนวิปัสสนาท่านแรกในชีวิตของผมได้พร่ำสอนสั่งให้นั่งสมาธิ ไม่ใช่หลวงปู่องค์เดียวครับ แม่ผมก็บอกเป็นประจำว่าให้สวดมนต์นั่งสมาธิบ้าง เพราะผมเป็นคนชอบดื่มกลัวผมจะตายก่อนวัยอันควร เพราะแม่ผมชอบรักษาสุขภาพมียาบำรุงและเครื่องมือเครื่องไม้บำรุงสุขภาพทุก
อย่างเท่าที่หามาได้  ความจริงแล้วผมก็ดื่มไม่ได้มากมายอะไรหรอกครับ อย่างเก่งเบียร์ขวดใหญ่ไม่เกิน 2 ขวด ถ้าดื่มเหล้าก็แค่ผสมโซดา 3 ขวดเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นกับแกล้มนั่งอ่านหนังสือฟังเพลงเป็นส่วนใหญ่


คำถามที่ตั้งไว้เป็นชื่อเรื่อง เรามานั่งสมาธิทำไมและเริ่มต้นนั่งสมาธิมีขั้นตอนอย่างไรซับซ้อนหรือไม่ ต้องไปนั่งในวัด ต้องฟังธรรมกันไหม มนุษย์เรามีกายและจิตเป็นของคู่กันอยู่เสมอเรามีเทคโนโลยีที่ดูร่างกาย เช่นการวัดการเดินด้วยแอพต่างๆ การรับประทานอาหาร วัดการนอนแตยังไม่มีแอพวัดจิตใจ



หลวงปู่ทอง สิริมังคลโล (พระธรรมมังคลาจารย์)
หนังสือ จรถ ภิกขเว จาริกัง 
ผู้เขียนได้เขียนบันทึกหลวงปู่ทองเผยสอนวิปัสสนาในประเทศเยอรมนี 2551 แจกในงานวันเกิดของท่าน



จิตเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้วิ่งไปวิ่งมาอยู่ตลอดเวลา เราจะเกิดความทุกข์ต่างๆ เพราะได้ยินสิ่งที่มากระทบกับตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจของเรา ถ้ามีสิ่งที่เราพอใจยินดีนั่นไม่มีปัญหาครับ ยิ่งถ้าใครได้พรจุมพิต ร่วมรักกับผู้เราปรารถนาในร่างกายและใจของเขา  เมื่อครั้งความรักหวานชื่นว่ามีความสุขยิ่งกว่าสวรรค์ที่ในคัมภีร์เล่มไหนๆ ได้เขียนไว้  แต่ถ้าความทุกข์สิ่งที่ตรงข้ามกับความสุขให้ผลร้ายละก็ เราไม่ยินดีไม่ชอบขึ้นมานั่นแหละทำให้เกิดความทุกข์ เมื่อเกิดทุกข์แล้วมนุษย์หน้าไหนก็ตามทนได้ยากทั้งนั้น และบางครั้งความทุกข์ก็ฝังไว้ในจิตใต้สำนึกไปนาน บางคนได้รับความกระทบกระเทือนใจมากจนเป็นโรคประสาทไปเลย เช่นการพลัดพรากที่ยังไม่มีชีวิตอยู่ คือการอกหัก การหย่าร้าง เป็นต้น


มานั่งนึกย้อนความหลัง ผมเรียนรู้การนั่งสมาธิมากกว่า 30 ปี ไม่ได้มาอวดนะครับ แต่อาจละอายใจมากกว่าเพราะทำได้บ้างไม่ได้บ้างตามเหตุปัจจัยอารมณ์แบบปุถุชนคนเดินดิน การฝึกนั่งสมาธิในความเห็นของผมมนั้นมีสองแบบ


 แบบแรกคือแบบคนธรรมดาทางโลกเป็นชาวบ้านทั่วไป หวังให้จิตใจสงบยอมรับกับโลกธรรม 8 ให้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึนที่มากระทบกับตนเองให้ได้


 แบบที่2 เป็นขั้นแอ็ดวานซ์แบบขั้นสูง ภาษาพระเรียกว่า โลกุตระ ไปเลย เช่นประพฤติพรหมจรรย์ไปเลย ห้ามกอดสัมผัสกับเพศตรงข้ามในทางกาย เดินจงกลม นั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืนมีความเพียรปรารถปรารถนาเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสกันไปเลย แบบนี่ขั้นสูงไปเลยขัดเกลาจิตใจให้หายไปจากกิเลศ ซึ่งก็มีรูปแบบกรรมวิธีที่ผมเขียนให้อ่านพอได้แต่ผมทำไม่ได้ ปฏิบัติได้นิดหน่อยแต่ได้ไม่นาน


 หลวงปู่ทองสอนนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานให้ชาวเยอรมัน




หลวงปู่ทอง สิริมังคลโล เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ได้สอนผมเรื่องสติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต และ ธรรม เวลานั้นผมยังอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น พ่อกับแม่ผมพาไปเป็นลูกศิษย์ยังเด็ก
ก็ได้เรียนรู้ ฟังพูดอ่านเขียนธรรมะ ท่องเป็นนกแก้ว นกขุนทอง แต่เมื่อวัยและชีวิตมีประสบการณ์ผ่านเข้ามามากขึ้นนั่นคือสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ที่สุดในการบรรเทาความทุกข์ทางจิตใจที่ได้เกิดขึ้นและทำให้ผมรอดชีวิตมาได้เมื่อครั้งประสบความผิดหวังในเรื่อต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากับชีวิต


สติปัฏฐาน สี่ แปลว่า ที่ตั้งของสติ อย่างประการ ได้แก่ สติตั้งอยู่ที่กาย สติตั้งอยู่ที่เวทนา เย็นร้อนอ่อนแข็งเป็นอย่างไร อาหารอร่อยหรือไม่สัมผัสกับลิ้นแล้ว จิตเวลานั้นจิตของเราคิดอะไรอยู่ อิจฉาริษยา รัก โลภ โกรธ หลง ฯลฯ สารพัดที่จิตจะคิดฟุ้งซ่านไปในแต่ละวัน
และสุดท้ายก็คือธรรม ความจริงแล้วเป็นภาษาบาลีเยอะครับ แต่หลวงปู่สอนง่าย ๆ คือ
ชอบใจ ไม่ชอบใจ ง่วง ฟุ้ง และ สงสัย


เราออกกำลังกายว่ายน้ำ วิ่ง ฟิตเนส โยคะ เล่นเวทเทรนนิ่ง ชกมวยไทย ไตรกีฬา สารพัดจะมีกีฬาให้เล่นเพื่อสุขภาพแข็งแรง ต้องจ่ายค่าสมาชิกฟิตเนสปีละหลายหมื่น บางคนมีตังค์จ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวชั่วโมงละเกือบพันหรืออาจแพงกว่านั้นถ้าเทรนเนอร์คนนั้นมีชื่อเสียงมาก  แต่การนั่งสมาธินั้นฟรีครับ และก็คือการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งแข็งแรงทนต่อโลกธรรม8 (ได้ลาภ เสื่อมภาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์ นินทา) ให้ได้ อะไรที่มากระทบกับจิตใจแล้วทนได้หมดทุกสภาวะเรียกว่ามีขันติอดทนทุกสภาวะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ต้องทำเพราะในชีวิตของเรา เจอมนุษย์ทุกรูปแบบ และพบกับความสมหวังคู่กับความผิดหวังอยู่ตลอดเวลา


หลวงปู่ทองกับผู้เขียนเมื่อครั้งเป็นเด็กวัด พ.ศ.2531



ผมจำได้ว่าในวิหารวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลางปี พ.ศ. 2529 เมื่อครั้งหลวงปู่ทองยังไม่ได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง กาลเวลายาวนานมากเมื่อมาถึงขณะที่ผมกำลังเขียนบล๊อคอยู่นี่ ดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงเวลานี้ไม่ลาโลกไปก่อน ก็เกือบเคยไปเยี่ยมยมทูตกับเขาเหมือนกันตอนรถทัวร์สมบัติทัวร์พาไปคว่ำ กม.316 อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ปี พ.ศ.2549 พนักงานขับรถหลับใน รถทัวร์กระโดดข้ามไปอีกฝั่งถนน เดชะบุญไม่มีรถวิ่งสวนทางมาก โชคดีซ้ำสองประโยชน์ของน้ำท่วมก็มีเหมือนกันทรถทัวร์ตกลงไปในท้องนาที่เต็มไปด้วยน้ำ รองรับรถทัวร์ไม่ให้ไกลไปกับพื้นแผ่นดิน ไม่งั้นผมก็คงตายคาที่ไปแล้ว ไม่ได้มานั่งจัดรายการวิทยุ สอนหนังสือและเขียนดิจิตอลแบบนี้


 เวลานั้นหลวงปู่อายุประมาณ 63 ปี พรรษา 43 สอนอุบาสกอุบาสิกาที่มานอนศีลอุโบสถวันพระให้รู้จักพระไตรปิฏกมหาสติปัฏฐานสูตร ผมก็ได้มีโอกาสเรียนและลองฝึกท่องดูจนจำได้ขึ้นใจเหมือนกับร้องเพลงเลย
เพราะคิดว่าถ้าท่องได้แล้วก็ดูเท่ห์ดีเหมือนกัน


ถ้านั่งอยู่ใกล้ๆ กับผม ผมจะนั่งท่องให้ฟัง บางท่านอาจจะ งง ว่า โอโห้ ท่องได้ขนาดนี้เลยหรือ แต่นี่เป็นงานเขียน ผมขอเขียนเหมือนท่องให้ฟังแล้วกันครับ


เอกายะโน อะยัง ภิกขะเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา โสกะปริเวทะ สะมาติกะมายะ ทุกขะโทมัสสานัง หัตถังขะมายะ ยายัสสะ อธิกะมายะ นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ ยะทิทัง จัตตาโร สติปัฏฐานาติ


แปลความที่ในพระไตรปิฏกที่หลวงปู่ทองสอนไว้ต่อไปอีกว่า


ดูกรภิกษุทั้งหลายทางนี้เป็นทางไปอันเอก เป็นทางสายเดียว เพื่อความดับทุกข์ทางกายดับทุกข์ทางใจ เพื่อให้ก้าวถึงมรรค เพื่อถึงความบริสุทธิ์ หมดจด เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เส้นทางนี้เรียกว่า สติปัฏฐาน 4 ดังนี้แล


นี่คือสิ่งธรรมะที่หลวงปู่ทองได้สอนให้กับผมท่องอย่างจำขึ้นใจ อย่างอื่นผมก็ลืมไปหมดบ้างแล้ว เพราะอยู่กับทางโลกมาก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทุกรูปแบบ ทำให้ผมได้ออกจากธรรมะไปเยอะมาก จำได้หัวใจของการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ นึกถึงคราวใดก็ทำให้จิตใจดีขึ้นมาได้อยู่เสมอ


สรุปก็คือเราฝึกนั่งสมาธิ ฝึกจิตที่วิ่งไปมาให้สงบลงบ้าง และฝึกจิตใจให้มีสติเข้มแข็งทนกับความทุกข์ และเกิดสุขภายในอันเกิดจากตัวเอง เพราะถ้าจิตใจทุกข์มาก ๆ ไม่มีเครื่องมือดับทุกข์ทางจิต อย่างดีก็กินยานอนหลับ แต่ตื่นมาความทุกข์ใจก็ประดังเข้ามาอีก
เพราะฉะนั้นก็ต้องฝึกสมาธิฝึกสติไว้กับตัวเองบ้าง เพราะระงับความทุกข์ทางกายทุกข์ทางใจ ความจริงแล้วยังมีเดินจงกลมอีกนะครับ

หลวงปู่ทองกับผู้เขียน สถานีรถไฟแฟรงเฟริ์ต เยอรมนี 2551



แรงบันดาลใจในการเขียนบล๊อคนั่งสมาธิอีกเรื่องที่อยากขอเล่าก็คือไปอ่านบล๊อคของฝรั่งในแอพ Flipboard  เขียนเรื่องเกี่ยวกับ  How to start sitting Meditation and mindfulness ? แปลความว่าเริ่มฝึกนั่งสมาธิและสติได้อย่างไร หลังจากที่ผมเข้าไปอ่านแล้ว ก็บอกกับตัวเองว่า เรื่องนี้ก็เราก็เขียนได้เหมือนกันนะ เพราะเราเองก็ฝึกมาแต่เด็ก และก็ฝึกฝนกับ หลวงปู่ทอง ครูบาอาจารย์สอนสมาธิอันดับต้นๆ ของโลก ไปสอนมาทั่วโลก ผมเองก็ยังเคยติดตามเป็นเด็กรับใช้ไปที่ประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และเยอรมนี ขอเขียนเล่าอีกนิด แม้กระทั่งอุปกรณ์ Fitbit สายรัดข้อมือไฮเทคสำหรับออกกำลังยังเขียนบล๊อคเรื่องการนั่งสมาธินอกเหนือจากออกกำลังและได้ผู้เขียนได้เล่าว่ามาเรียนกับหลวงปู่ทอง ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ


หลวงปู่ทองกับผู้เขียนวัดไทยลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา พ.ศ.2534 



 เอาละหลังจากที่เขียนมาถึงว่าเรานั่งสมาธิทำไมกันแล้ว เรามาเรียนรู้กรรมวิธีในการนั่งสมาธิกันดีกว่าครับ ไม่ยากง่าย ๆ ใช้ลมหายใจของเรา ภาษาบาลีเรียกว่า อานาปานสติ


ก่อนเริ่มเรียนรู้นั่งสมาธิ ผมขอตั้งคำถามกับท่านผู้อ่านว่า เวลาเราหายใจเข้า ท้องของเรา พองหรือท้องของเรายุบ ตอบในใจเร็วๆ ครับ ผิดถูกว่ากันใหม่ ผมให้เวลาคิด
ได้คำตอบกันหรือยังครับ มาเริ่มฝึกนั่งสมาธิกันเลย สำหรับท่านที่เคยเรียนศึกษามาบ้างแล้วก็ตามแต่สะดวกที่เคยเลยนะครับ ผมขอเล่าแบ่งปันประสบการณ์แล้วกัน

มาเริ่มนั่งสมาธิกันเลย นั่งแบบไหนก็ได้ครับ เก้าอี้ โซฟา นั่งกับพื้น นั่งบนโต๊ะกินข้าว โต๊ะดื่มกาแฟหน้าบ้าน นั่งอยู่บนเตียงนอน นั่งบนโต๊ะอ่านหนังสือ หรือจะไปนั่งขัดสมาธิหน้าหิ้งพระในห้องพระที่บ้าน ได้หมดขอให้นั่งแล้วกัน เพราะมนุษย์อริยาบถใหญ่ ๆ ก็มีแค่ ยืน เดิน นั่ง นอน ที่เหลือเป็นรายละเอียดย่อย


นำมือขวาทับบนมือซ้าย เอาหัวแม่โป้งชนกัน นั่งให้หลังตรงๆ ครับ คงเชิด หลับตาลง
รีแลกซ์ให้สบาย ๆ ที่สุด เอาความรู้สึกไปอยู่ที่ปลายจมูก ถ้าเราหายใจเข้าท้องเราจะพอง
ถ้าเราหายใจออกท้องเราจะยุบ นี่คือคำตอบที่ผมได้ถามไว้แต่แรกแล้วว่า หายใจเข้าท้องพองหรือยุบก็คงได้คำตอบกันแล้วนะครับ


มาเรียนรู้กันต่อ ลองเอามือไปจับที่ท้องของเรานิดนึง ถ้าหากท้องของเราพองขึ้นให้บริกรรม แปลว่า พูดในใจว่า พองหนอ ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ ถ้าลมหายใจออก ก็บริกรรมว่า ยุบหนอ


ช้าๆ สบายๆ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกท่องในใจตามลมหายใจห้องพอง ท้องยุบแล้ว
ค่อยนำมือออกจากท้องแล้ว นำมือซ้ายทับมือขวาแบบเดิมที่นิยมนั่งสมาธิกัน


เมื่อเรานั่งสมาธินึกในใจตามสติลมหายใจ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ แล้ว
สักพักถ้าหากเกิดความคิดต่าง ๆ ขึ้นมาเรื่องในอดีตบ้าง อนาคตบ้าง คิดถึงคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง นั่งเป็นจุดที่เริ่มต้นที่เราจะได้ม่ีสติได้เห็นสภาพจิตที่วิ่งผล่านไปตลอดเวลา
อันนี้ต่างจากไอเดียที่คิดงานนะครับ แต่บางทีขณะนั่งสมาธิเราอาจได้ไอเดียใหม่ๆ ความคิดปัญญาใหม่ๆ จากการนั่งสมาธิ แต่ในที่นี้ให้เราฝึกสติเรื่องการรู้จักระงับจิตความคิดฟุ้งซ่านก่อน หลวงปู่ทองสอนว่า ถ้ามีความคิดอะไรที่เกิดขึ้น ไม่ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามให้
บริกรรมภาวนาว่า คิดหนอ คิดหนอ คิดหนอ เมื่อความคิดนั้นหายไปให้เราเอาสติ
มาจับที่ลมหายใจท้อง พองหนอ ยุบหนอ ต่อไปครับ


ถ้านั่งสมาธิไปแล้วเห็นแสงสี อะไรที่เกิดชึ้นภาษาพระเขาเรียกว่านิมิตร
ให้ภาวนาว่า เห็นหนอ เห็นหนอ เห็นหนอ สัก 2-3 ครั้งพอหายไป


ถ้ามีสมาธิดีเพิ่มขึ้นมาแล้วนึดนึง เราเพิ่มกำลังสติให้มากชึ้นด้วยการภาวนาว่า นั่งหนอ
เพื่อให้เรามีสติรู้เพิ่มชึ้นว่าเรากำลังนั่งอยู่จับความรู้สึกตั้งแต่หัวถึงปลายเท้า เรากำลังนั่งสมาธิ
ให้บริกรรมภาวนาว่า พองหนอ ยุบหนอ และนั่งหนอ ถ้าหากมีความคิดอะไรวบเข้ามาก็ให้บอกตัวเองว่า คิดหนอ
ลองเริ่มต้นนั่งสมาธิสัก 5-10นาทีก่อนนะครับ
ถ้าหากเป็นทางวิทยาศาสตร์ ก็คือการนั่งสมาธิก็จะทำให้คลื่นในสมองของเราต่ำลง
สมองไม่มีข้อมูลใหม่ๆ เข้าไปประมวลผลมาก ช่วยให้สงบลงมีความสุขมากขึ้นอยู่กับภายในตนเอง

ชาวเยอรมันนั่งสมาธิ



ก่อนจบบล๊อคขอบอกว่าเราคนไทยโชคดีมากที่ได้มีการสอนสมาธิกันในโรงเรียน วัดวา อาราม พระสงฆ์ก็สอนให้ทาน ศีล และ ภาวนา ครั้งหนึ่งผมรู้สึกภูมิใจมาก
เห็นหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาตีพิมพ์เขียนบทความเรื่อง โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียให้ผู้ป่วยและผู้ป่วยโรคมะเม็งฝึกนั่งสมาธิ เพื่อบำบัดความทุกข์กายและทุกข์ใจครับ

ภาพจากบล๊อคของ Fitbit ที่เขียนถึง Meditation 
อ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์ข้างต้น 



ขอบคุณที่ติดตามอ่านบล๊อคของผม


ชีพธรรม คำวิเศษณ์
อาทิตย์ 22 พฤษภาคม 2559
13.03 น.



  

ความคิดเห็น