รีวิวหนังสือ กว่าจะเป็นสตีฟจ๊อบส์ หนังสือชีวิตและธุรกิจที่ต้องอ่าน


                                                        หนังสือ กว่าจะเป็นสตีฟ จ๊อบส์


ผมเพิ่งอ่านหนังสือกว่าจะเป็น สตีฟ จ๊อบส์ ซึ่งแปลและจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์จบเมื่อคืนวันจันทร์ 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า  ต้องขอบคุณที่ได้สร้างสรรค์ผลงานเล่มนี้ออกมาเป็นภาษาไทย ทำให้ผมได้เข้าใจชีวิตของอัจฉริยะนักเทคโนโลยีมากขึ้นในอีกมุมหนึ่งที่เหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปที่ประสบความสำเร็จ ผิดหวัง พลัดพลาก มีคนรัก มีคนชอบ มีคนเกลียด
ความพยายามในการเรียนรู้ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้เข้าใกล้กับชีวิตมนุษย์มากขึ้นและ
เป็นนักบริหารธุรกิจไฮเทคที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งในโลกยุคปัจจุบัน


ผมเชื่อว่าผู้ใช้ไอโฟน ไอแพด เครื่องแม็คในประเทศไทยที่หลายแสนเครื่อง แต่ก็คงไม่ทราบว่า
สิ่งที่ท่านถืออยู่ในมือเกิดจากไอเดียและความคิดของสตีฟ จ๊อบส์และทีมบริการของบริษัทแอปเปิ้ลในบางมุมที่ไม่ได้เปิดเผย ในฐานะผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ขอรีวิวให้ได้เห็นว่าหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์กับเราอย่างไรบ้าง


หนังสือ Becoming Steve Jobs ภาคภาษาอังกฤษ ผมมีโอกาสซื้อมาตั้งแต่เดือน เมษายน 2558 ก็ได้อ่านมาบ้าง แต่ก็ยอมรับว่า รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะศัพท์แสงภาษาอังกฤษบางคำไม่ได้อยู่ในหัวเลย ก็คงไม่ต่างจากฝรั่งมาอ่านวรรณคดีของสุนทรภู่  ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านหนังสือ สตีฟ จ๊อบส์ ที่เป็นภาษาไทยมาแล้ว เล่มนั้นเป็นแนวคิดที่สตีฟ จ๊อบส์ ให้วอลเตอร์ ไอแซคสัน นักเขียนให้ไปสัมภาษณ์ผู้ที่เคยทำงานกับเขาและมีส่วนเกี่ยวข้องโดยที่สตีฟ จ๊อบส์ จะไม่ปรับปรุงแต่งหนังสือเล่มนี้เลยให้ได้ความจริงทุกมุมเกี่ยวกับตัวของเขา หลังจากหนังสือเล่มนี้ออกมาก็ได้เป็นภาพยนต์และภาพลักษณ์ของสตีฟ จ๊อบส์ ก็เป็นนักบริหารที่กร้าวร้าว หยาบโลน ทำงานกับคนอื่นได้ยาก


แต่หนังสือ Becoming Steve Jobs เล่มนี้มีความแตกต่างออกไปจากของสตีฟ จ๊อบส์ ของวอลเตอร์ อย่างมาก เพราะผู้เขียนคือเบรนต์ ชเลนเดอร์ และ ริก เท็ตเชลี  เป็น ทั้งคู่นักข่าวและนักเขียนของนิตยสารฟอร์จูนและหนังสือพิมพ์ วอลสตรีทเจอร์นัล เขามีความใกล้ชิดกับสตีฟ จ๊อบส์ มาตั้งแต่ 1989 จากคนสัมภาษณ์กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่กับที่บ้านจวบจนกระทั่งจ๊อบส์เสียชีวิต  ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดในมุมด้านดีของสตีฟในการอดทนต่อความล้มเหลว ความพยายามในการเรียนรู้โลกใหม่ๆ การปรับปรุงนิสัยที่ไม่ดีในอดีต ฯลฯ​


ภาพยนตร์สตีฟ จ๊อบส์ ภาค2 ที่เพิ่งเข้าฉายไปในเมืองไทย แต่กระแสค่อนข้างที่จะเงียบนิดนึงครับ
ผมได้มีโอกาสเข้าไปดูเช่นกัน ทราบว่าภาค 2 ได้นำเค้าโครงจากหนังสือกว่าจะเป็นสตีฟจ๊อบส์มาสร้าง
เป็นอีกมุมมองใหม่ที่ได้ถ่ายทอดความเป็นสตีฟจ๊อบส์  แต่ถ้าใครไม่ได้ชมให้อ่านได้จากหนังสือครับ
หลังจากที่หนังฉายจบผมก็ไปซื้อกว่าจะเป็นสตีฟจ๊อบส์ฉบับแปลมาอ่าน


หนังสือมีความหนา 574 หน้า แบ่งออกเป็นทั้งหมด 17 บท แต่ละบทเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนและผมเองไม่เคยทราบมาก่อน ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ใกล้ชิดเหมือนกับเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก อ่านแล้ววางไม่ลง นักเขียนทั้ง 2 ท่านได้ถ่ายทอดบุคคลและสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ
สตีฟจ๊อบ ให้เห็นมุมมองตัวตนของเขาอย่างแท้จริง  สิ่งที่ผมชอบในเล่มก็คือ ช่วงที่เขาประสบปัญหากับทีมบริหาร เราได้เห็นการเมืองในองค์กร หลังจากที่สตีฟ จ๊อบส์ ถูกไล่อออกจากบริษัทแอปเปิ้ลในวัย 30 ปี แล้ว เขาก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่มีความโกรธเกลียดทุกคนที่เป็นศัตรู และก็กำลังหาอะไรใหม่ๆ ให้กับตัวเอง


สิ่งที่น่าสนใจที่ผมไม่เคยทราบมาก่อนและได้ทราบจากหนังสือเล่มนี้ก็คือ ตอนแรกผมเข้าใจว่าสตีฟ
จ๊อบส์ ซื้อกิจการของ Pixar บริษัททำแอนิเมนชั่นมาคิดว่าเขาจะมีทักษะและไอเดียเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่เปล่าเลยเขาลงทุนมาด้วยเงินของเขา และก็ให้ผู้ก่อตั้งบริหารไป ณ ที่นี่เองเขาได้เรียนรู้โลกใบใหม่เกี่ยวกับการบริหารความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารองค์กร เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง


ถึงแม้สตีฟ จ๊อบส์ จะเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุน้อยๆ เมื่อมาสร้างธุรกิจกิจการของตัวเองเขาก็ต้องใช้เงินของตัวเอง และก็จ่ายไปเรื่อยๆ ธุรกิจเทคโนโลยีไม่เหมือนอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยีต้องใส่เงินลงไปเรื่อยๆ แล้วไม่รู้จะขายได้หรือเปล่าแถมความเปลี่ยนแปลงก็รวดเร็วมากๆ และเงินเขาก็ร่อยหรอลงไป





ความน่าสนใจยังมีต่อไปเรื่อยๆ ที่เราได้เรียนรู้ความมหัศจรรย์จาก สตีฟ จ๊อบส์ เขาเป็นคนที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ไม่มีความรู้ทางซอฟต์แวร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เขามีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ สัญชาติญาณ มีมุมมองทีผู้อื่นมองไม่เห็น มีการบริหารการจัดการและมอบหมายงานให้กับคนเก่ง
เค้นความสามารถของเพื่อนร่วมงานออกมาให้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมให้เหนือกว่าคู่แข่ง


ตอนที่เขาสร้างบริษัท Next เพื่อจะสร้างคอมพิวเตอร์แข่งกับแอปเปิ้ลบริษัทที่ตัวเองได้ก่อตั้งขึ้นมา เป็นคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เขาต้องเผชิญกับการแข่งขันและกว่าเทคโนโลยีจะลงตัว ต้องเจอกับคู่แข่งของบริษัทตนเอง คู่แข่งจากภายนอก ในหนังสือได้ทำให้เราเห็นถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วเป็นประวัติศาสตร์
การทำบริษัท Next นั้น สตีฟมีแต่ใช้เงินไปเรื่อยๆ ลงเหวไป สิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ตอบสนองกับราคาและตลาดเลยแม้แต่นิดเดียว ความล้มเหลว รออยู่ข้างหน้า แต่ก็มี Pixar คอยหล่อเลี้ยงและสร้างชื่อเสียงบารมีให้เขาแต่ก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นพอสมควร ต้องรอโอกาสและจังหวะ


บิลเกตแห่งไมโครซอฟท์กับสตีฟ จ๊อบส์ เป็นไม่เบื่อไม้เบากันมานาน สตีฟ จ๊อบส์ ช่วงก่อตั้งแอปเปิ้ล เขาแซงบิลเกตไปหลายช่วงตัว และได้จ้างบิลเกตมาพัฒนาระบบปฏิบัติการ แต่ในที่สุดบิลเกตก็ได้เปิดตัววินโดวส์ของไมโครซอฟต์ ซึ่งสตีฟจ๊อบกับบิลเกต ก็ได้มีเรื่องฟ้องร้องกันเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
เมื่อสฟีตออกจากแอปเปิ้ล เป็นช่วงที่บิลเกตร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ และอันดับหนึ่งของโลก
ในขณะที่สตีฟ ตกต่ำลงเรื่อยๆ และหาทิศทางขอตนเองไม่เจอ
วันหนึ่งในหนังสือผู้เขียนได้เชิญบิลเกตมาที่บ้านของสตีฟจ๊อบส์และได้สัมภาษณ์ร่วมกัน
ทั้งคู่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เหมือนกับลืมเรื่องในอดีตที่ผ่านมา
เมื่อสตีฟจ๊อบส์กลับมาบริหารแอปเปิ้ล บิลเกตได้เข้ามาลงทุนในแอปเปิ้ลเป็นเงิน 150 ล้านเหรียญ และได้พัฒนา Microsoft Office สำหรับเครื่องแม็ค  


ท่านผู้อ่านคงอ่านได้ผ่านสายตามาบ้างเมื่อมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้เชิญสตีฟ จ๊อบส์ ไปกล่าวปาฐกถาสุนทรพจน์ให้กับนักศึกษาที่จบการศึกษา แต่สแตนฟอร์ดไม่เหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นคือไม่มอบดุษฏีบัณฑิตให้กับใครทั้งนั้น  ถึงแม้ว่าเขาจะผ่านการพรีเซนต์สินค้าผลิตภัณฑ์ให้สัมภาษณ์มามากมาย แต่ครั้งนี้เขาตื่นเต้น และถือว่านี่เป็นสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดในโลก ที่ชีวิตในปัจจุบันเป็นจุดเชื่อมโยงในอดีต


และท้ายเล่มมีเรื่องข้อมูลให้ค้นคว้าเพิ่มเติม
นักเรียน นักศึกษา ที่เรียนทางด้านสายเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ กลุ่มผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสายเทคโนโลยีน่าหาอ่านไว้ สำหรับ นักธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในสายเทคโนโลยี อ่านแล้วจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณที่มีความมุ่งมั่น และลุ่มหลงกับธุรกิจที่ตัวเองรักที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อลูกค้า


หนังสือกว่าจะเป็น สตีฟ จ๊อบส์ เล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก  ๆ ที่อยากให้ทุกท่านได้อ่าน เพื่อเรียนรู้ชีวิตและการพัฒนาตนเอง ฝึกฝนการเรียนรู้ที่เขาได้สร้างผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีและบริษัทแอปเปิ้ลที่ทำกำไรมากที่สุดในโลก ผมเชื่อว่าผุ้ที่ได้อ่านจะซาบซึ้งและประทับใจ สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต  เมื่อจับไอโฟนไอแพดขึ้นมาครั้งใด เราจะได้ซึมซับจิตวิญญาณของสตีฟ จ๊อบส์

ชีพธรรม คำวิเศษณ์
Twitter @tri333
เขียน อังคาร 23 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 19.09 น.

ความคิดเห็น