ความเก่งครึ่งหนึ่งเปรียบเทียบกับพ่อและแม่

ภาพเก่า 21 กันยายน 2532

ห้องอบรมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผมกำลังสอนเรื่องโซเชียลมีเดีย ให้กับผู้ประกอบการและนักศึกษา ซึ่งกำลังจะปิดหลักสูตร ในตอนแรกจะให้ผู้เข้าอบรมลองทำการประชาสัมพันธ์่ผ่าน Twitter ไปออกทีวี ปรากฏว่าวันจันทร์ 22 กรกฏาคมเป็นวันอาสาฬหบูชา ทางช่อง9 อ.ส.ม.ท. งดรายการคุยโขมงบ่าย3โมง ก็เลยนำเรื่องบล๊อคกับคอนเทนต์มาสอนให้กับนักศึกษาแทน เปิดเข้ามาที่บล๊อคของผมที่โอเคชั่น www.oknation.net/blog/trimemory ภาพที่ปรากฏขึ้นอยู่บนจอ ผมอุทานกับตัวเองออกมาว่า “โหนี่เขียนเรื่องสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน แล้วหรือนี่ เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผมไม่ได้เขียนบล๊อคเลย ก็ทำไมจะไม่ได้เขียนเพราะผมติดงานเตรียมสอนโซเชียลมีเดียให้กับผู้บริหารของการท่องเทีี่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องเตรียมตัวกันเป็นอย่างดี เพราะผู้บริหาร ททท. แต่ละท่าน เป็นระดับซี 8 ที่เข้ามาเรียน บางท่านเป็น ผอ.สำนักงานในต่างจังหวัด บางท่านก็เพิ่งย้ายกับมาจากต่างประเทศและ บางท่านก็กำลังจะย้ายไปรับตำแหน่งที่เมืองนอก ผมในฐานะอาจารย์ผุ้รับผิดชอบหลักสูตรและผู้สอนก็เตรียมตัวกันหนักประหนึ่งเหมือนกับนักมวยไทยที่ต้องเตรียมซ้อมก่อนขึ้นชกอย่างนั้นเลย ครึ่งหนึ่งของพ่อแม่เป็นเรื่องราวที่ผมอยากจะเขียนเพื่อรำลึกถึงพ่อและแม่ถึงความเก่งของท่านในฐานะที่ผมเป็นลูก และขณะนี้ผมมีอายุในรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน ในวัย 41 ปี ถ้าเปรียบเทียบตอนนี้กับพ่อแม่ของผมในอายุเท่ากัน ผมไม่สามารถเทียบความสามารถกับท่านได้เลยครับ สิ่งนี้เลยทำให้ผมรู้ว่า พ่อแม่ของเรานั้นยิ่งใหญ่จริงๆ



แรงบันดาลใจที่เขียนเรื่องนี้ก็มาจาก ซุบเปอร์เล็ก ศรีอีสาน อดีตยอดมวยไทย เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ถึงแก่กรรม ไปในวัยเพียง 44 ปีเท่านั้น ผมเองเป็นแฟนมวยที่ืชื่นชอบผลงานและพลังกำปั้น  หลังงานฌาปนกิจศพของเขา หนังสือพิมพ์มวยสยามได้ไปสัมภาษณ์ บักแปดแสน ราชานนท์ ลูกชายคนโตของซุปเปอร์เล็กในวัย 19 ปี ซึ่งกำลังฉายแววเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการมวยไทย คำให้สัมภาษณ์คำหนึ่งของเด็กหนุ่มเป็นที่ถอดมาเป็นตัวอักษรได้มาสะกิดความคิดของผม เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ทุกวันนี้ผมยังทำไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อผมเลยครับ” หลังจากที่ผมอ่านแล้วก็ลองคิดในสิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง ซุปเปอร์เล็ก เป็นยอดมวยที่ยิ่ิงใหญ่มากในวันที่เขามีืชื่อเสียง และในวัยเดียวกันกับลูกชาย เขาเป็นยอดมวยไทยแห่งยุคนั้นเลยทีเดียวของศึกวันทรงชัย  คำพูดนั้นทำให้ผมคิดถึงตัวเอง ในวัยเดียวกับพ่อแม่ ซึ่งมานึกดูแล้ว ชีิวิตของผมเองก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อแม่ในวัยเดียวกันเลย

กลางเดือน กรกฏาคม 2556 ผมกลับไปยังเชียงใหม่เพื่อเก็บตัวและทำสไลด์เตรียมสอนผู้บริหาร ททท. ก็เลยถือโอกาสกลับไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านด้วยเลย เพราะว่ายายอายุ 85  ปี แล้ว เวลาเห็นยายทำให้ผมนึกถึงเพลงผู้เฒ่าของวงคาราบาว  ยายนี่แหละเป็นผู้ค้ำจุนและประคับประคองลูกหลานในยามที่ครอบครัวได้รับความลำบาก

From อารามบอย
 ถ่ายกับคุณยาย


เมื่อไปถึงบ้านก็เข้าไปกราบพระที่ห้องพระ สายตาของผมมองไปยังภาพเก่าในอดีตเป็นภาพ ผมกับพ่อกำลังรับพรจากหลวงปู่ทอง สิริมังคโล เวลานั้นท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดรำ่เปิง ถ้าจำไม่ผิด เหตุการณ์ผ่านมาแล้วเกือบ 24 ปี วันนั้นเป็นวันที่ 21กันยายน 2532 พ่ออายุ 45 ปี แม่อายุ 40 ปี และ ผมเองอายุ 17 ปี ในวันนั้น พ่อกับแม่ผม ยิ่งใหญ่มากเกินตัว ในภาพมีรถยนต์โตโยต้าแวนอยู่เป็นฉากประกอบหลัง รถคันนั้น พ่อกับแม่ของผมได้ถวายให้กับหลวงปู่ทองในวันคล้ายวันเกิดของท่าน ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2532 ความจริงแล้วครอบครัวของเราไม่ได้รำ่รวยอะไรเลย พ่อเป็นข้าราชการอาจารย์มหาวิทยาลัย แม่กำลังเริ่มประสบความสำเร็จจากการเป็นนายหน้าขายที่ดินที่จังหวัดเชียงราย และฝึกที่จะเป็นนายทุนด้วย ในยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีชาติชาย ชุณหะวัณ ที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู ครอบครัวของผมและความเก่งของแม่ในวัยเดียวกับผมตอนนี้ เวลานั้นแม่หาเงินได้เป็นมากพอที่จะกล้าถวายรถให้กับหลวงปู่ ครอบครัวของเราเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองอย่างใกล้ชิด พ่อและแม่ของผมเคยเป็นล่ามติดตามหลวงปู่ไปเผยแพร่ศาสนาที่ประเทศเม็กซิโก และผมเองก็ไปเป็นเด็กวัดรับใช้ท่าน เวลานั้นหลวงปู่มีรถแวนเก่าๆ ใช้ปฏิบัติศาสนกิจ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาของพ่อกับแม่และต่อครูบาอาจารย์ทำให้ท่านตัดสินใจในเรื่องที่ใหญ่มากและอาจจะเกินตัว แต่แม่หาเงินได้มากและคล่องในเวลานั้นก็เลยตัดสินใจดาวน์รถคันนั้นและส่งเป็นงวด ๆ เพื่อให้หลวงปู่ได้ใช้งานสะดวก เวลาแห่งความสุขของชีวิตก็ไม่ได้อยู่นาน คณะรัฐประหาร รสช. ของพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ได้ยึดอำนาจจากพลเอกชาติชาย ชุณหวัณ ทำให้กิจการค้าที่ดินของแม่ผมที่เชียงราย ล้มพับทั้งยืน ในที่สุดทุกอย่างก็สูญสิิ้น เงินที่เคยคล่องก็ฝืด จนในที่สุดรถแวนที่ถวายหลวงปู่ก็ถูกยึด แต่หลวงปู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ได้แสดงความเห็นใจ แต่สำหรับผมแล้วทั้งรู้สึกอับอายด้วยและเสียใจอย่างยิ่ง


ถ่ายกับพ่อและแม่ที่ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) จ.เชียงใหม่ ราวเดือน มีนาคม 2533
พ่อในวันนั้นรับภาระทุกอย่างครอบครัวครัวจากเศรษฐกิจที่ล่มสลาย แม่ไม่สามารถแทบจะทำธุรกิจอะได้เลย แถมถูกฟ้องร้องจากหุ้นส่วนจนแทบเอาตัวไม่รอด เมื่อผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพายัพ ในปี พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน พ่อซึ่งเป็นข้าราชการต้องส่งเสียลูกชายสองคน ค่าเทอมมหาวิทยาลัยเอกชนแพงมาก แต่พ่อก็สามารถพานาวาครอบครัวพ้นวิกฤตออกมาได้ ชีิวิตของผมเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นเวลานั้นรู้สึกไม่ชอบอาชีพของอาจารย์ของพ่อเลย เพราะได้เงินน้อยเมื่อเทียบกับแม่ แต่ในที่สุดด้วยความเป็นข้าราชการของพ่อนี่แหละที่ประคับประคองให้ครอบครัวฝ่าพายุแห่งความยากลำบาก และในที่สุดอาชีพด้วยความที่ผมเป็นลูกพ่อและมี DNA เดียวกันอาชีพของผมปัจจุบันที่เลี้ยงชีพและดูแลตัวเอง ก็คืออาชีพสอนหนังสือ เวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว พ.ศ. 2556 ผมอายุ 41 ปี มองกลับไปแต่หนหลัง ในวัยเดียวกันเมื่อเทียบกับพ่อและแม่แล้ว ผมรู้สึกเลยครับว่า ผมเองยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อแม่เลย ทั้งการผ่านโลก ความยากลำบาก ความอดทน การต่อสู้กับคดีความ ศัตรูที่ปองร้าย ความเลวร้ายต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามากับครอบครัว ย้อนนึกดูแล้วเป็นเวลาที่ยากลำบากมาก ๆ แต่ในวันเดียวกันนี้ ถ้าหากเกิดขึ้นกับชีวิตของผมแล้วผมจะทำอย่างไร

 ในวันนี้พ่ออายุ 69 แม่ 64 ผม 41 และน้องชายอายุ 38 ปี ในวัยเดียวกันพ่อและแม่เก่งเหลือเกิน ความจริงแล้ว ความเก่งของพ่อและแม่ยังมีีอีกเยอะมาก ถ้าเขียนแล้วจะเป็นนิยายเล่มใหญ่ ยิ่งกว่าละครในทีวีอีกครับ อยากให้ทุกท่านได้ลองนึกถึงในวันที่ท่านอายุเท่ากับพ่อแม่ และลองดูครับว่า ท่านได้ครึ่งหนึ่งของพ่อแม่หรือยัง บางท่านอาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าพ่อแม่ แต่สำหรับผมแล้ว ผมเองยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อและแม่เลยครับ

 ชีพธรรม คำวิเศษณ์
   @tri333
www.twitter.com/tri333

ความคิดเห็น