ศุกร์ 1 มิ.ย. 2555 เป็นวันครบรอบ 12 ปี สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล ผมได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญและ เขียนบทความลงในนิตยสาร Open Eye ของแมงโก้ทีวี เกี่ยวกับเรื่อง Unseen และความท้าทายต่าง ๆ ของ สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชีวิตและองค์กรธุรกิจครับ
1 มิ.ย. 2543 เป็นวันเริ่มต้นของสถานีโทรทั
ศน์เนชั่นแชนแนล ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการจะสร้างสถานีโทรทัศน์ 24 ชั่วโมงของคนไทย สร้างการรับรู้เติมเต็มกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบด้านให้มุมมองใหม่ ๆ กับสังคม หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า กว่าจะมาถึง 12 ปี ของเนชั่นแชนแนล เกิดอะไรขึ้นกับช่องสถานีข่าวแห่งนี้และทำไมถึงสามารถที่จะยืนหยัดมาได้ทั้งที่เกือบจบต้องพังพาบเพราะสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ทุกอย่างไม่เอื้อและตีบตันไม่หมด แต่ภายในความยากลำบากในการสร้างสรรค์
สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลกลายเป็นผู้บุกเบิกในเรื่องใหม่ๆ
จากบริษัทที่ขาดทุนมาตลอดเกือบ 10 ปี ต้องเลิกจ้างพนักงานนับร้อยคน
วันนี้กลายเป็นบริษัท 600 ล้านในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นโรงเรียนสร้างคนข่าวโทรทัศน์ที่มีนักข่าวและผู้ประกาศที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยก็เกิดมาจากช่องสถานีข่าวแห่งนี้
มาเร่ิ่มต้น Unseen Nation Channel 12 ปี หลังจากที่ทีมงานของเนชั่นจำเป็นต้องเลิกทำช่องไอทีวีก็กลับมาสร้างทัพเตรียมตั้งช่องสถานี ในยุคนั้นก็เริ่มรับผู้ประกาศเข้ามาเป็นทีมงาน และเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 มิ.ย. 2543 ทางช่อง UBC 8 (ปัจจุบันคือทรู) แต่ก็ต้องถือว่าเป็นสถานีโทรทัศน์เล็ก ๆ เพราะมีผู้ชมจำกัดที่ต้องเป็นสมาชิกของ UBC เท่านั้นถึงจะรับชมได้มีข้อจำกัดหลายประการ
เรียกว่าเริ่มต้นก็เป็นรองแล้วกับฟรีทีวีทุกประตู อีกทั้งโฆษณาที่จะเป็นรายได้ของสถานีก็มีข้อจำกัดมากมายเหลือเกิน วันแรกอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย มาเปิดสถานี วันรุ่งขึ้น โดยรับน้องทันที สื่อต่าง ๆ พากันประโคมข่าวว่าสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลทำผิดกฏหมายเคเบิ้ลทีวี ทางทีมงานเนชั่นแชนแนลก็ต้องแก้ปัญหา
ด้วยการทำเป็น Filler ทำโฆษณาด้วยทำให้เป็นสารคดี
หลังจากได้รับความนิยมมาเกือบ 3 ปี รายการเก็บตกจากเนชั่น คมชัดลึก
ได้รับความนิยมมาตลอด โดยเฉพาะรายการคมชัดลึก กลายมาเป็นชื่อหนังสือพิมพ์รายวัน คมชัดลึก และในที่สุดวันสุดท้าย 30 เม.ย. 2546 เป็นวันสุดท้ายของการออกอากาศเพราะเหตุผล
ทางการเมือง เรื่องมีอยู่ว่า สรยุทธ์สุทัศนจินดา และกนก รัตน์วงศ์สกุล
สัมภาษณ์น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ แล้วจอดับ
จะว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือหมดสัญญา 3
ปี เป็นอันว่า เนชั่นแชนแนล ออกจาก UBC8 ไปหาช่องออกอากาศ ในที่สุดก็ไปได้ช่องไททีวี แต่ก็มีข้อจำกัดจะต้องติดเสาและขอบเขตในการออกอากาศรับชมได้เพียงแค่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น
ทางทีมงานต้องปรับตัวใหม่ การออกช่องใหม่เหมือนกับเคยข้างของในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ต้องมาขายของในตลาดนัด ขวัญกำลังใจทีมงานแน่นอนก็ไม่เหมือนเดิม หลังจากนั้น สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ดาราของช่องก็ลาออกในช่วงที่เนชั่นแชนแนลยากลำบากที่สุดเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตการทำงานใหม่จากนั้นก็มีหลายคนลาออกตามเช่นสู่ขวัญ วิวรกิจ ฯลฯ
เนื้อหาของสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลเป็นที่ต้องการรับชมของผู้ชมทั่วประเทศบางเคเบิ้ลท้องถิ่นเคยแอบลักลอบนำสัญญาไปออกอากาศ แต่ผู้บริหารก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหมือนกันเพื่ออยากให้ประชาชนได้รับชมถึงแม้จะเป็นการผิดกฏหมาย
มีคนเคยกล่าวว่าสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลเปรียบเสมือนกับปลาวาฬใหญ่แต่ไม่มีทะเลให้ออก เวลานั้นทุกอย่างจำกัดไปหมด ดาวเทียมสำหรับช่องส่งสัญญาณก็ไม่มี ทำอย่างไรที่จะทำให้ เนื้อหารายการออกไปสู่ผู้ชมให้ได้มากที่สุด ทางผู้บริหารก็ต้องเปิดเว็บไซค์เพื่อถ่ายทอดสด นำรายการออนไลน์แต่อินเทอร์เน็ตยุคนั้นก็ยังช้าอยู่ รับชมไม่ได้ ถึงแม้กระนั่นก็มีเคเบิ้ลท้องถิ่นบางแห่งก็นำภาพที่แตกละเอียดเล็ก ๆ เพราะผ่านอินเทอร์เน็ตไปออกอากาศให้สมาชิกรับชม ไม่เพียงแค่นั้น
เนชั่นแชนแนลได้ทำความร่วมมือกับเคเบิ้ลท้องถิ่น ด้วยการปั้มซีดี ส่งไปกับรถทัวร์และรถส่งหนังสือพิมพ์ ไปทั่วประเทศ ถึงแม้จะไปถึงช้าเคเบิ้ลท้องถิ่นก็ยังต้องการเนื้อหาไปให้ออกอากาศ
ในขณะที่การติดเสาเพื่อให้ผู้ชมได้รับชมไททีวีก็ทำต่อไป การเปลี่ยนสถานีออกอากาศทำให้กลุ่มลูกค้าของเนชั่นแชนแนลต้องเปลี่ยนแปลงจากที่เคยลงโฆษณาก็เปลี่ยนไม่ลงโฆษณา
ถึงแม้จะยากลำบาก แต่ด้วยความเป็นสถานีข่าวและรายการสาระคงไม่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างพยายามทำให้ดีที่สุดภายในข้อจำกัด
ในที่สุดก็ได้ทดสอบการออกอากาศผ่านดาวเทียมเป็นโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเป็น
สถานีแรกของประเทศไทย เริ่มที่ดาวเทียม ST1, NNS6 , C Band , KU band
ได้รับความนิยมบ้าง ไม่ได้รับความนิยมบ้าง เพราะสถานการณ์เวลานั้น
จานดาวเทียมยังมีราคาสูงอยู่ แต่ก็มีความพยายามที่จะทำให้เนื้อหาออกไปสู่ผู้ชมมาที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะหารายได้ส่วนอื่น ๆ มาเสริม เช่นทำซีดีรอมขาย , ส่งผู้ประกาศไปออกทีวีในช่องต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับโฆษณาและสร้างแบรนด์ให้กับผู้ประกาศ
แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถทานทนกับค่าใช้จ่ายภาระที่เพิ่มขึ้นได้ทั้ง
เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าออกอากาศเดือนละ 3 ล้านบาท
ต้องปลดพนักงานครั้งใหญ 40 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่มีอยู่ 300 กว่าคนใน
ปี พ.ศ. 2548 หลังจากที่จัดงานครบรอบ 5 ปี
หลังจากปรับโครงสร้างองค์กรทุกอย่างต้องประหยัด และต้องอยู่รอดให้ได้ ความลำบากและขาดทุนมีกระแสข่าวว่าบอร์ดของเนชั่นบริษัทแม่จะปิดสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลเพื่อลดการขาดทุนขององค์กรต้องปิดโต๊ะภาษาอังกฤษ โต๊ะกีฬา โต๊ะศิลปวัฒนธรรม และหน่วยงานที่ต้องตัดค่าใช้จ่าย
ด้วยความที่ทีมงานของผู้บริหารสถานีเนชั่นแชนแนล มาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจที่ทำงานด้วยกันมาอย่างยาวนาน ได้ร่วมแรงร่วมใจต้องการจะพิสูจน์ให้ทุกคนให้เห็นว่าสถานีเนชั่นแชนแนลจะอยู่รอดได้โดยไม่มีการปิด
กลยุทธ์เปิดหน้าสู่้ก็คือสร้างรายได้เพิ่มด้วยการส่งผู้ประกาศ
ข่าวอย่าง สุทธิชัย หยุ่น , กนก รัตน์วงศ์สกุล , ธีระ ธัญญไพบูลย,
จอมขวัญหลาวเพ็ชร์ , วีณารัตน์ เลาหภคกุล และ ทีมโปรดิวเซอร์
กระจายไปอยู่ตามช่องและรายการต่าง ๆ อย่างเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3
, สยามเช้านี้ ช่อง 5 , จมูกมด ช่อง7 , ข่าวค้นคนข่าว ช่อง 9
และรายการอื่น ๆ ทางฟรีทีวี และรายได้ตรงนี้ทำให้สถานการณ์ของสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลกระเตื้องขึ้นมา แต่รายการต่าง ๆ ในช่องเนชั่นแชนแนลยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม
ระหว่างที่ส่งผู้ประกาศออกไปยังช่องฟรีทีวีต่าง ๆ ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นก็ได้มีโอกาสยิงสัญญาณดาวเทียมขึ้นดาวเทียมไทยคม ทำให้สามารถรับชมได้ทั่วประเทศผ่านจานดาวเทียม
ทำให้ปลดปล่อยตัวเองกลายเป็นปลาวาฬออกสู่ทะเลใหญ่อีกครั้ง ความยากลำบากต่าง ๆ เริ่มที่จะหมดลงไปบ้าง สภาพความมั่นคงเริ่มกลับมา
การเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลได้เป็นแกนกลางในการรายงานผลการเลือกตั้งให้กับทีวีพูลรายงานผลการเลือกตั้งด้วยการใช้เทคโนโลยีผ่านโทรศัพท์มือถือใช้ทีมงานกว่า 2 หมื่นคน ฟรีทีวีทุกช่องนำข้อมูลไปออกอากาศ จะรายงานแบบไหนใช้กราฟฟิศอย่างไรแล้วแต่ช่อง แต่ข้อมูลมาจากที่เดียวกันหมดจากสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล
ปี พ.ศ. 2550 สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลก็ได้สร้างทีมงานใหม่เพื่อทดแทนรุ่นเก่าๆ ที่ลาออกไปอยู่ช่องฟรีทีวีต่าง ๆ หรือลาออกไปสู่เพื่อสู่เส้นทางอาชีพใหม่จึงเป็นที่มา
ของโครงการสานฝันผู้ประกาศ ก็มีรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพได้แก่ นภพัฒน์จักร
อัตตนันท์ , วรรณศิริ ศิริวรรณ, เทพกิจ ฉัตรสุริยาวงศ์, โมไนย เย็นบุตร
ฯลฯ
พ.ศ. 2551 หลังจากขาดทุนมาอย่างยาวนาน ก็เริ่มมีกำไรขึ้นด้วยรายได้จากฟรีทีวี
แต่ก็ยังต้องการเงินทุนเพื่อมาขยายกิจการซื้ออุปกรณ์ใหม่หลังจากที่ใช้มาอย่างยาวนานและประหยัดทุกอย่าง จนเข้าสู่ยุค New Media ผู้สื่อข่าวทุกคนก็ต้องปรับตัวใหม่
และในวันที่ 11 พ.ย. 2552 สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลก็ปรับตัวเองเข้าไปจดทะเบียนในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC
จากบริษัทที่ขาดทุนมาเกือบตลอดและเริ่มมีกำไร พอเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล กลายเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ และมียอดรับรู้รายได้ 600 ล้านบาท
ปี 2553 เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปี สุทธิชัย หยุ่นได้ออกมาประกาศขอบคุณผู้
ชมทางบ้าน
ที่ได้ให้การสนับสนุนและขอบคุ
ณทีมงานของเนชั่นแชนแนลทุกคน และก็ยังย้ำว่า สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลเป็
นสมบัติของคนไทยทุกคนที่จะได้รั
บรู้ข่าวสารจะทุกมุมโลกที่มี
ผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยทุกคน
ในเดือนมิถุนายน 2555 เป็นบทพิสูจน์ทฤษฏีทางธุรกิ
จของโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่บุ
กเบิกมาอย่างอยากลำบากเป็นรองคู
่แข่งในธุรกิจเดียวกันทุกรูปแบบ วันนี้เนชั่นแชนแนลก้าวมาไกลกว่
าจะเดิมมา และความท้าทายยังคงมีอยู่
ตลอดเวลา ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนสถานี
โทรทัศน์ 24 ชั่วโมงเนชั่
นแชนแนลตลอดมาและตลอดไป ที่กำลังจะเข้าสู่ยุคของ Social TV
ความคิดเห็น