วิธีการแก้ไขปัญหา Hi5 (อินเทอร์เน็ต) แบบอเมริกันชน

ช่วงนี้ข่าว Hi5 บ้านเรามีแต่ข่าวร้าย ๆ ออกมาทั้งนั้นที่เป็นข่าวด้านลบเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
ไม่มีข่าวด้านดี ๆ บ้างเลยนะครับ ความจริงแล้วอินเทอร์เน็ตนี่ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างในด้านดี ๆ
แต่สื่อมวลชนไทย และ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของไทยทั้งรัฐบาลและข้าราชการประจำ หรือบริษัทเอกชน
ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่หรือยักษ์เล็ก ก็ตามไม่ได้ช่วยกันเสนอด้านดี ๆ
เสนอแต่ด้านร้าย ๆ และทางลบ แล้วประเทศไทยเราจะไปพัฒนาได้อย่างไรครับ


Social Networking เป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่ทุกคนจะแสดงความเห็นได้
ได้ฟังเรื่องเก่าเล่าใหม่จากนักการเมืองและข้าราชการประจำก็รู้สึกเบื่อ ๆ อีกแล้วครับ
เมืองไทยใช้ Hi5 เมืองนอกใช้ Facebook กัน

ผมเองเป็นสื่อสารมวลชนตั้งแต่อายุ กลาง ๆ 20 จนกระทั่งตอนนี้อายุจะขึ้นเลย 4 แล้วก็เห็นแต่ข่าวร้ายซ้ำ ๆ
ทั้งยังมีพวกหน่วยงานข้าราชการที่ใช้แต่น้ำลายอย่างเดียวไม่ค่อยเสนอเรื่องการแก้ปัญหา เอาแต่ติแต่ด่าอย่างเดียว ซึ่งใครก็ทำได้ เปลืองภาษีอากรเปล่า ๆ


เว็บไซค์ตัวอย่างร้านที่ให้บริการเด็กกินฟรี http://www.kidmealdeals.com/

วันก่อนผมนั่งดู สถานีโทรทัศน์ Foxnews ตอนเช้าที่อเมริกา ดูแล้วสร้างสรรค์ดี อย่าหาว่าชมฝรั่งอย่างเดียวนะครับ เขาทำอย่างไร เขาบอกว่าในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยอะไรประหยัดได้ก็ประหยัดเขาเสนอเว็บไซค์ เช่น ร้านอาหารที่เปิดโอกาสให้เด็กเข้าไปกินฟรีด้วยอย่างเช่นเว็บไซค์นี้ครับ
สื่อมวลชนบ้านเราเสนออย่างนี้บ้างซิครับ เอาอินเทอร์เน็ตมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง


กลับไปที่บ้านเรา hi5 ขายตัวบ้าง hi5 สูบกัญชาบ้าง ผมได้ยินข่าวอย่างนี้มา
ตลอดเวลาเป็น 10 ปี แล้วเบื่อครับ ทำนายว่าและยังมีอีกต่อไปเรื่อย ๆ เพราะอะไร
ประเด็นแรกเราต้องยอมรับเรื่องของโลกาภิวัฒน์ ว่าสิ่งเหล่านี้
มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตถ้าคนไทยไม่ทำคนอื่นคนอื่นโลกก็ทำ อย่างเช่นเว็บไซค์ ฆ่าตัวตาย หรือ เว็บไซค์สอนทำระเบิด เว็บไซค์ โป๊ สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้วและก็เป็นเรื่องเดิม ๆ
หรือว่าข้าราชการเรานั่งดูแต่เว็บไซค์เหล่านี้ไม่ดูของดี ๆ บ้าง เลยไม่รู้ว่าโลกที่เขาเจริญและใช้อินเทอร์เน็ต
ในการพัฒนาธุรกิจและบ้านเมืองเขาทำกันอย่างไร


ประเด็นที่สอง สิทธิและเสรีภาพในการพูดการคิดและการแสดงออก ประเด็นนี้ต้องยอมรับกัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าฝ่ายใดถูกและฝ่ายใดผิด ขึ้นอยู่กับขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี
ในอเมริกันอนญาตให้มีการซื้อปืนและครอบครองปืนในบ้านได้ ถ้าเป็นประเทศไทยเราได้หรือไม่
หรือแม้แต่เว็บไซค์ www.whitehouse.com ครั้งหนึ่งผมเคยคลิ๊กเข้าไปเป็นเว็บไซค์โป๊
แต่ถ้าเข้าไปที่ www.whitehouse.gov ก็เป็นเว็บไซค์ของทำเนียบข่าวของประธานาธิบดีสหรัฐ
หรือแม้แต่ เครื่องหมายของ โรงเรียนบริหารธุรกิจ Harvard ก็เอามาทำเป็นถุงเท้า
ถ้าหากเป็นเมืองไทยคงทำไม่ได้ สำหรับผมเองก็ไม่เห็นด้วยถ้าจะเอาตราสถาบันมาทำเป็นถุงเท้า แต่ที่อเมริกาไม่เป็นไร


ชื่อมหาวิทยาลัยบนถุงเท้า Harvard Business School

ประเด็น ที่ สาม ข่าวด้านลบของอินเทอร์เน็ต พวกนักการเมือง และ ข้าราชการประจำชอบ
เวลาเสนอข่าวแล้วดูดีมีผลงาน ไล่ตั้งแต่ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ , ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ,
ตอนนี้เปลี่ยนปลัดกระทรวงศึกษาคนใหม่แล้วก็ยังพูดเรื่องแบบเดิม ๆ อยู่ ไปกับที่
ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก็แบบเดิม ๆ อีก ไม่เห็นมีอะไรพัฒนา มาก
สไตล์การให้สัมภาษณ์ก็แบบเดิม ๆ ไม่ได้นำเสนออะไรให้มากหรือแนวทางแก้ไขให้กับผู้ปกครอง
ยิ่งให้ข่าวมากภาพของอินเทอร์เน็ตยิ่งติดลบมาขึ้น ไม่ได้บอกด้านดี ๆ เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยได้ใช้
อาจใช้แค่รับส่งอีเมล หรือ หนักกว่านั้น อาจจะใช้คอมพิวเตอร์ไม่คล่อง เรียกว่าไม่ได้ปรับตัวไปตามโลกหรือโลกาภิวัฒน์ที่เปลี่ยนแปลง ยิ่งศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมนี้ ยิ่งหนักเลยครับ เข้าไปดูในเว็บไซค์ เห็นมีอยู่หน้าเดียวไม่เห็นมีอะไรพัฒนาเลย และไม่ได้นำเสนออะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้


เว็บไซค์ ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ลอง เปรียบเทียบกับ หน่วยงานตอนท้ายของ Harvard Law School นะครับ นั่นแค่หน่วยงานเดียวเท่านั้นดีกว่ากระทรวงวัฒนธรรมของไทยซึ่งใหญ่คับประเทศ


ผมขอเล่าวิธีการเสนอแก้ไขปัญหาของนักวิชาการอเมริกัน ตัวอย่างให้ฟังนิดนึงครับ วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 ผมชอบเขียนแบบพุทธศักราชเพราะเป็นคนไทย ที่ โรงเรียนกฏหมายฮาร์วาร์ด หรือ Harvard Law School มีการจัดสัมมนาเรื่อง Enhancing Child Safety and Online Technologies แปลเป็นไทยว่า เพิ่มความปลอดภัยของเยาวชนบนอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีออไนลน์ ดูได้จากลิงค์ครับ

http://cyber.law.harvard.edu/events/luncheon/2009/02/isttf

John G. Palfrey เป็นอาจารย์สอนกฏหมายและ เป็นผู้แต่งหนังสือ Born Digital พร้อมกับทีมงาน
นักวิชาการและนักธุรกิจ ได้เสนอทางออกของปัญหาอย่างเป็นระบบและยอมรับต่อโลกาภิวัฒน์ที่เกิดขึ้น เขาได้ใช้ชื่อนยุคใหม่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ให้กับเด็ก ๆ ที่เกิดมาเจอโลกของอินเทอร์เน็ตและช่วยให้พ่อแม่ได้เข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ
ซึ่งไม่ใช่ ด่า ๆ ๆ แล้วก็ด่า และก็โยนให้กระทรวงนั้น ๆ กระทรวงนี้แก้ไข
ต้องสร้างจิตสำนึกให้กับทุกคนในสังคม และให้เนื้อหาไว้บนอินเทอร์เน็ต


ผมขอเสนอความเห็นส่วนตัวบ้างครับ เราต้องสร้าง content ดี ๆ
ร่วมมือกับสื่อสารมวลชน เข้าไปคลุกคลีใน Hi5 หากิจกรรมดี ๆ ให้เหมาะสมกับเด็ก ๆ หรือเรื่องที่วัยรุ่นเขาสนใจทำกัน สิ่งประดิษฐ์บ้าง แฟนคลับ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์

สร้างกิจกรรมมีรางวัล เด็กไทยและวัยรุ่นใช้อินเทอร์เน็ตกันเยอะ ๆ
รัฐมนตรีลองเข้าไปดูเด็กไทยหัดขับเครื่องบิน Airbus โบอิ้งกันบ้างซิครับ
แนะนำให้เข้าไปดูใน www.thaiflight.com , วิชาการดอทคอม , youtube มีเยอะแยะที่นำเสนอ
เรียนภาษาอังกฤษ,ฝรั่งเศส ,จีน ใครทำคะแนนได้ดีส่งไปเรียนสัก 3 เดือนดีไหมครบ
หรือส่งมาเรียนที่ Harvard , MIT ก็ได้ผมอยากจะมีเงินเยอะ จริงๆ ทำแค่นี้ทำอย่างก็จะดีขึ้น
ไม่ต้องออกมาด่าตำหนิ หมดสมัยแล้วครับ นักวิชาการในบ้านเรา เขาก็ไม่มีโอกาสในการเสนอ เพราะพูดเรื่องดี ๆ ก็ไม่ค่อยมีใครฟัง สำหรับนักการเมืองและข้าราชการ แล้วสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนไปที่ประชาชนนะครับ หยุดให้ข่าวอย่างนี้ซะทีนะครับ ขอร้อง
มีเรื่องดี ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด

- ไปดู facebook กลุ่มต่างๆ
- ไปดู youtube เรื่องดี ๆ
- ไปดู itunes university มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเขาให้เรียนฟรีกันครับ
- กระตุ้นมหาวิทยาลัย โรงเรียน สร้างสรรค์เรื่องดี ๆ บนเน็ต
- ร่วมมือกับ sanook , kapook , MSN หรืออะไรก็ตามมีเยอะแยะ
- ร่วมมือกับทาง HI5 ดูบ้างซิครับ
- ลองไปสัมภาษณ์ครูบาอาจารย์ในโรงเรียนต่าง ๆ ของประเทศไทยเราที่ได้ติดต่อสื่อสารกับลูกศิษย์หรือเพื่อนฝูงที่อยู่ต่างประเทศได้ติดต่อสื่อสารกัน


เว็บไซค์หนังสือ Born Digital


ไปอ่านเล่มนี้ดูนะครับ
http://www.borndigitalbook.com

จะได้ทันกับโลกบ้างอย่าเอาแต่ด่าอย่างเดียว
วิธีเสนอปัญหาทำอย่างนี้ อย่าใช้แต่น้ำลาย
เหมือนนักจัดรายการวิทยุแบบผม แต่ผมก็เสนอทางออกให้ด้วยแล้ว ดีไม่ดี ท่านก็ลองไปดูแล้วกันครับ :)

หรือเทคนิคการแก้ปัญหาแบบฝรั่งไม่ใช่ไทย ๆ ที่เอาแต่ด่าและน้ำลาย

http://www.borndigitalbook.com/resources.php

วันหลังมาว่ากันด้วยเรื่องเกมส์ออนไลน์กันครับ

หรือไปหาอ่านฉบับขาด ๆ หวิ่น ๆ ใน google book บ้างก็ได้นะครับ



การใช้ Facebook ซึ่งเป็น ระบบ Social Networking เหมือนกับ HI 5
ลองดูว่าเขาใช้วิธีการแก้ปัญหานะครับ

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ใช่ๆครับ
ผมเห็นข่าวแต่ละข่าว ล้วนไม่สร้างสรรค์เลย
มันเกิดขึ้นมานานแ้ล้วครับ เรื่องไม่ดีต่างๆเหล่านี้ แต่สื่อเพิ่งจะรู้ หรือรู้มานานแล้วแต่ยังไม่นำเสนอ

เรื่องดีดีมีตั้งมากมาย
เด็กไทยไปแข่งสร้าง application ให้กับ google ด้วยวัยเพียง 9 ขวบก็ได้รางวัลแล้ว แล้วทีเด็กอินเดียวด้วยวัยเดียวกันสอบ Certificate ของ Microsoft ได้ ทำไมเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วอินเดียและทั่วโลกละครับ

อยู่ที่มุมมองการนำเสนอของสื่อมากกว่า
ครูเอก กล่าวว่า
สวัสดีครับ คุณชีพธรรม
ผมเพิ่งไปซื้อหนังสือ Google Apps ของคุณมาดูเมื่อไม่กี่วันนี้เอง และตอนนี้ก็เริ่มทดลองใช้ไปบ้างแล้ว

เพิ่งทราบว่า คุณไม่ได้อยู่เมืองไทยในตอนนี้ ก็จากบล้อกนี้แหละ ผมเห็นด้วยกับที่คุณเขียนมานะ ผมเองก็พยายามใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พยายามสร้างเนื้อหาดีๆ ให้เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ต แต่เสียดายว่า คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยชอบอะไรที่เป็นประโยชน์ แต่ไปชอบอะไรที่บันเทิง หรือสนุกสนานมากกว่า

แล้วจะตามเข้ามาอ่านบ่อยๆ ครับ

สำเริง