หลวงปู่ทอง สิริมังคโล พระอุปัชฌาย์ ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

From บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์



From สำนักปฏิบัติธรรม Buddhayana




อากาศที่สหรัฐฯ หนาวติดลบศูนย์องศา แล้วครับ หนาวเหมือนอยู่ในตู้เย็นเลย เร็ว ๆ นี้คงเห็นหิมะตกแล้ว
ก็เข้าเว็บไซค์ดูข่าวอ่านหนังสือพิมพ์ ได้เห็นข่าว พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทย
ไปบวชที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยมีพระเทพสิทธาจารย์
หรือหลวงปู่ทอง สิริมังคโล เป็นพระอุปัชฌาย์ ครับ หลังจากได้ฟังข่าวและอ่านข่าวแล้ว
เลยอยากจะเขียน blog ให้ทุกท่านได้รู้จักหลวงปู่ทอง และอยากให้ทุกท่านได้ไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่
ที่วัดครับ ใครก็ได้สามารถไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ได้ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง

From Airbus A300 bangkok-chiangmai


ผมเลยอยากจะเล่าปฏิปทาของข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ว่าทำไมพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ถึงได้ไปบวชกับหลวงปู่ และผมเชื่อว่า พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จะพบกับความสุขและความสงบในการปฏิบัติวิปัสสนาในแนวสติปัฏฐาน 4 ก่อนเดินทางมาเรียนหนังสือที่สหรัฐ ฯ ผมได้เดินทางไปรับใช้หลวงปู่ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อครั้งหลวงปู่ไปสอนวิปัสสนากรรมฐานให้กับคนไทยในเยอรมันและเปิดสำนักวิปัสสนาธรรมจารี
ที่เมืองมิวนิค โดยมีลูกศิษย์ชาวเยอรมัน ถวายบ้านให้เป็นสำนัก ซึ่งท่านสามารถดู ภาพต่าง ๆ ที่ผมอัพโหลดไว้บนอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นภาพประกอบหนังสือ จารถ ภิกขเว ประเทศเยอรมัน ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้เผยแพร่ที่ไหนมาก่อนเลยครับ

สำนักปฏิบัติธรรม Buddhayana


http://picasaweb.google.com/jaratapikkaway

(เป็นภาพตั้งแต่วันเดินทางวันแรกและไปในสถานที่ต่าง ๆ เช่นวัดพุทธปิยวรารามที่หลวงปู่ได้สร้างขึ้นที่
แฟรงเฟริต์ ประเทศเยอรมัน , ศาลาไทยและบ่อน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่เมืองบาร์ดฮวมบอร์ก, การสอนธรรมะให้กับชาวไทยและชาวเยอรมัน)

ภาพประกอบนี้ก็เพื่อถวายกับหลวงปู่ และ ก่อนเดินทางขึ้นเครื่องบินมาสหรัฐ ฯ หลวงปู่ได้ “หมั่นนั่งสมาธิและปฏิบัติธรรมนะ” หลวงปู่ย้ำเตือนผม

เมื่อเดือน เมษายน 2551 เช้ามืดสนามบินดอนเมือง ผมได้พบกับพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ที่สนามบินดอนเมือง
ครั้งนั้น ผมกำลังเดินทางเพื่อไปศึกษาด้านการบินบนเครื่องบินเที่ยวนั้น ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งท่านเป็นจังหวัดนครพนม ผมได้ทำโครงการสอนขับเครื่องบินให้กับเด็กนักเรียนในต่างจังหวัด และหนึ่งในโรงเรียนในคือโรงเรียนบ้านหนองลาดควาย อ.เรณูนคร จ.นครพนม ผมเลยเข้าไปบอกความประสงค์ว่า
“ท่านครับ ผมทำโครงการสอนขับเครื่องบินให้กับโรงเรียนบ้านหนองลาดควาย อ.เรณูนคร จ.นครพนมครับ จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ครับ อยากเชิญท่านไปเป็นประธานหน่อยครับ”
หลังจากเล่าให้ท่านฟัง เป็นเหมือนที่นักข่าวเคยเขียนครับ ลุงจิ๋วหวานเจี๊ยบจริง ๆ ท่านดูเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตากับเด็กมาก ให้ได้ให้นายทหารคนสนิทให้เบอร์ไว้ติดต่อ
“แล้วท่านจะไปเชียงใหม่ที่ไหนครับ” ผมถามท่าน
“จะไปปฏิบัติธรรมหน่อย แต่ขอไม่บอกสถานที่”ท่านบอกกับผม
ผมก็ไม่ได้ถามตอบ หลังจากขึ้นไปบนเครื่องบินผมก็ขอตัวไปศึกษาการบินและท่านก็นั่งที่ VIP ในเที่ยวบินนั้น
มี รมต. อนุสรณ์ วงศ์วรรณ ไปด้วย ก็ไม่ได้คิดอะไรมากจนกระทั่งทราบข่าวว่าท่านไปบวชกับหลวงปู่

From คณะโยมจากเม็กซิโก


หลวงปู่ทองหรือพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ปัจจุบันอายุ 85 ปี พรรษา 65 ท่านเป็นพระนักปฏิบัติธรรมพร่ำสอนวิปัสสนากรรมฐาน
ให้กับพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูงมาก
ต้องการให้ทุกท่านได้บรรเทาความทุกข์กายและทุกข์ใจ ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน 4
ท่านได้อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาอย่างมาก ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง
ทุกคนสามารถไปปฏิบัติธรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
หลวงปู่เดินทางไปเผยแพร่การปฏิบัติธรรมให้กับชาวต่างประเทศในรอบ 24 ปีหลายครั้งมาก
ในประเทศเม็กซิโก , สหรัฐอเมริกา, เยอรมัน , ฝรั่งเศส , อิตาลี ,ญี่ปุ่น , เกาหลีใต้
ท่านคงสงสัยว่าหลวงปู่ไปสอนฝรั่งอย่างไร หลวงปู่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
แต่มีลูกศิษย์เป็นฝรั่งหลายพันคนทั่วโลก และ เคยไปสอนวิปัสสนากรรมฐานให้กับ
พระสันตะปาปา จอห์นปอนที่ 2 มาแล้วที่ กรุงวาติกัน ประเทศอิตาลี
และเคยไปพักในวังที่สันตะปาปา จัดเตรียมให้ ซึ่งหลวงปู่ท่านเป็นพระพูดน้อย
และไม่ได้เปิดเผยให้ใครทราบมากนัก เพราะท่านกลัวว่าจะเป็นการโอ้อวด



หลวงปู่ทองเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2466 ปลายรัชกาลที่ 6 ที่ บ้านแอ่น อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
ปัจจุบันเป็นอำเภอดอยเต่าครับ ท่านอุปสมบท ตั้งแต่อายุ 11 ปี และได้อุปสมบทที่วัดชัยพระเกียรติ
ในปี พ.ศ. 2487 ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเมืองมาง เป็นวัดใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ตั้งแต่เป็นพระหนุ่ม
ท่านจบนักธรรมชั้นเอก จากวัดพันอ้น ในปี 2495 หลวงปู่ได้รับคัดเลือกจากพระภิกษุทั่วภาคเหนือให้ไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ ที่กรุงเทพมหานคร และได้ไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานที่ประเทศพม่าเป็นเวลา 2 ปี และกลับไปมาเปิดสำนักวิปัสสนากรรมฐานที่วัดเมืองมาง
หลวปู่เป็นเจ้าคณะอำเภอฮอด ในปี พ.ศ. 2511 ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ
จากนั้นได้ไปสร้างวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประมาณ 3 กิโลเมตร
ท่านได้สร้างวัดร่ำเปิงให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของคนทั้งโลกให้ไปเรียนการเดินจงกลมนั่งสมาธิ และ
ได้รวบรวมพระไตรปิฏกภาษาล้านนาและ สร้างพระไตรปิฏกฉบับภาษาล้านนาเพื่อถวายวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือ
พร้อมกับสร้างหอพระไตรปิฏกเพื่อรวบรวมพระไตรปิฏกภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกมารวมกันอยู่ที่นี่
หลวงปู่ไม่ได้สนใจเรื่องลาภยศ สรรเสริญ
ในปี 2533 หลวงปู่ได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในราชทินนาม
พระสุพรหมญาณเถระ ถัดมาในปี 2543 หลวงปู่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชพรหมาจารย์
และในปี 2548 ได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระเทพสิทธาจารย์

ในปี 2534 สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้หลวงปู่ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
ซึ่งตอนนั้นวัดพระธาตุศรีจอมทองไม่มีเจ้าอาวาสเนื่องจากเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ถึงแก่มรณภาพไป
ตอนนั้นผมขับรถให้หลวงปู่อยู่ วัดพระธาตุศรีจอมทอง ยังไม่มีการสร้างกุฏิและศาลาพระสัทธรรม
ที่ พระชวลิต อุตฺตมญาโณ (พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ) ปฏิบัติธรรมอยู่ ณ ขณะนี้
เวลาผ่านไป 16 ปี วัดพระธาตุศรีจอมทอง เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่ทุกอย่างค่อน ๆ เป็นค่อยๆ ไป

From เปิดสำนักธรรมจารี


หลวงปู่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แต่ท่านให้ความเมตตาเสมอเหมือนเท่า ๆ กัน ใครอยากพบท่านก็พบได้เสมอครับ
ยิ่งถ้าไปปฏิบัติธรรมก็จะได้รับธรรมะและคำแนะนำในการรักษาจิตใจไม่ให้ทุกข์ไปกับโลกธรรม 8

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหลวงปู่ออกทีวีไปทั่วประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่มีการทำข่าวหลายสำนัก
เพราะตลอดชีวิตในการเผยแพร่พระศาสนาของหลวงปู่ตลอดมาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ยิ่งในต่างประเทศด้วยแล้วไม่เป็นข่าวเลยทั้งที่การเดินทางไปเผยแพร่ธรรมะนั้น ยิ่งใหญ่จริง ๆ
ผมเองในฐานะลูกศิษย์ผู้ติดตามได้เห็นมากับตา ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะนำมาพูดในรายการวิทยุที่ผมจัด

ทุกท่านเชื่อหรือไม่ครับ การที่ผมได้มาจัดรายการวิทยุทุกวันนี้ ผมมีความเชื่อส่วนตัวอย่างนี้ว่า
เป็นบุญกุศลที่ผมเป็นหน้าที่ของผมอย่างหนึ่งก็คืออ่านหนังสือพิมพ์ให้ท่านฟัง เลยทำให้ผมได้มีโอกาสทำงาน
เป็นสื่อสารมวลชน

ความตั้งใจอย่างหนึ่งของผมในการมาศึกษาต่อต่างประเทศอีกประการหนึ่งก็คือ
การได้สอบทอดเจตนารมณ์ของหลวงปู่ในการสอนวิปัสสนากรรมฐานให้กับชาวต่างประเทศ
ผมหวังว่าวันหนึ่งผมจะมีความสามารถเช่นเดียวกับหลวงปู่ที่สามารถทำให้ชาวต่างประเทศ
ได้มาปฏิบัติธรรม แม้ว่าเขาจะอยู่ในศาสนาไหนก็ตาม
“ขอให้เขาได้เข้าถึงธรรมะเราก็พอใจแล้วไม่ต้องเปลี่ยนศาสนาก็ได้” หลวงปู่บอกกับผมเมื่อปี 2534


From บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์


ผมเป็นเด็กรับใช้หลวงปู่มาตั้งแต่อายุ 15 ปี ในปี 2534 ผมได้มีโอกาสเดินทางประเทศเม็กซิโกกับหลวงปู่เพื่อรับใช้ ก่อนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ปี 2535 ผมเป็นคนขับรถให้หลวงปู่ หลังจากนั้นก็ไปทำงาน ที่ ช่อง 9
ในหลายช่วงของชีวิตที่ประสบความทุกข์ บารมีของหลวงปู่ก็ทำให้ผมรอดมาได้ทุกครั้งและก็ได้ธรรมะที่ท่านพร่ำสอนให้ช่วยจรรโลงจิตใจ และหลายครั้งความเป็นลูกศิษย์ของท่านก็ได้ทำให้ผมได้รับโอกาสในชีวิตมากมายยากที่ใครจะได้รับเช่นเดียวกับผม เช่นได้เข้าไปนั่งให้ห้องนักบินเพื่อเรียนการบิน , ได้ไปในสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่ง เพราะความเป็นเด็กวัด


ทุกท่านถ้าใครที่อยากไปกราบหลวงปู่พร้อมกับปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
สามารถไปได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระธาตุศรีจอมทองได้ตลอดเวลา มีที่พักกุฏิ และ อาหาร สำหรับทุกท่าน
ลองโทรศัพท์ไปสอบถามที่เบอร์ 053 -341664 หรือบอกว่าอ่านจากอินเทอร์เน็ต
“ไตร” แนะนำมา (ไตรคือชื่อเล่นของผมครับ)

ทุกวันนี้ผมเองมาอยู่ห่างไกลมาก ก็ไม่ทราบว่าจะได้มีโอกาสกลับไปรับใช้หลวงปู่อีกเมื่อไหร่และหลวงปู่ก็มีอายุมากแล้ว ผมก็ได้แต่สวดภาวนาอธิษฐานขอให้หลวงปู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ของพวกเราต่อไป อยากให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสกับพระสุปฏิปันโน และจะได้ไปสร้างกุศลเช่นเดียวกับท่าน พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ครับ

From อารามบอย

ความคิดเห็น