จับเสือมือเปล่า พันธุกรรมแรงขับให้จับเสือ บทที่1

พันธุกรรมแรงขับให้จับเสือ

ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าพันธุกรรมของคนทุกคนต้องมีส่วนคล้ายกับบิดามารดาหรือสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถ้าพ่อแม่เป็นคนเก่งลูกย่อมมีส่วนความเก่งสืบทอดผ่านมาทางสายเลือด ดีเอ็นเอ,โครโมโซม,เซลไข่ของแม่,อสุจิของพ่อ ก่อเกิดเป็นร่างกายครบ 32 ประการ บางคนครบไม่คนไม่ครบ ถ้าครบก็ถือว่าเป็นบุญ แต่ถ้าไม่ครบสร้างทุกข์อย่างยิ่งใหญ่ให้กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่บางคนแม้ว่าอาการไม่ครบ 32 แต่สามารถสร้างตัวเองให้ยิ่งใหญ่ได้ ตาบอดสี และโรคเบาหวาน เป็นโรคที่สืบทอดผ่านทางพันธุกรรม ได้จากหนังสือพันธุกรรมที่ผมเคยอ่านมาเป็นโรคทางพันธุกรรม ไม่ใช่ว่าเราได้ข้อดีจากพ่อแม่มาอย่างเดียวแต่ก็ยังมีพันธุกรรมในด้านไม่ดีติดมาด้วย ในศาสนาพุทธมีบท สวดมนต์สำหรับการพิจารณาเรียกว่า อภิณณหปัจจะเวกขณะ
มีถ้อยคำในบทส่วนที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมว่า “กัมมะทายาโท, เรามีกรรมเป็นทายาท, กัมมะโยนิ, เรามีกรรมเป็นกำเนิด, กัมมะพันธุ, เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์”
ท่านผู้อ่านบางท่านจะสงสัยว่าทำไมคุณชีพธรรมถึงโยงเรื่องพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับจับเสือมือเปล่าผมขอเรียนอย่างนี้ครับ เรื่องพันธุกรรมไม่ใช่ได้มาเฉพาะความเก่งกาจและข้อด้อยแต่ยังไม่อีกอย่างที่ติดมาและยากยิ่งที่จะแกะให้ออกจากชีวิตของคนนั่นคือ “ความไม่มี “ แต่ถ้าให้เรียกอีกอย่างแบบดิบ ๆ นั่นก็คือ“ความจน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบากที่สุด
ลองคิดดูซิครับ ชาวไร่ชาวนาของเรายังไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้หลายชั่วอายุคนแล้วที่ยังเป็นอย่างนั้น สำหรับในส่วนของความจนผมก็ได้ติดมาเหมือนกันครับ ผมสังเกตจากครอบครัวของผมญาติพี่น้อง ยังไม่มีใครสามารถหลีกหนีจากความจนไปได้ อาจจะไม่ได้จนแบบไม่มีจะกิน แต่เป็นความไม่มีเพราะขัดสนในบางเรื่อง เป็นความทรมานจริงๆ
เพราะฉะนั้นการจะหนีจากความจนได้นั้นยุคปัจจุบันคงไม่ใช่อาศัยแต่ความขยันเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องอาศัยภูมิปัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจึงจะหลุดพ้นได้
เมื่อผมได้รับพันธุกรรมความจน แม้ว่าพ่อผมจะเป็นอาจารย์แม่เป็นนักธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แน่นอนว่าผมได้ติดมาแน่นอน แต่ถามว่าผมอยากหลุดพ้นไหม แน่นอนอยากหลุดพ้นแต่จะทำอย่างไร
ถ้าพ่อแม่ไม่มีเงินทุนให้, การศึกษาถ้าเทียบกับคนในเมืองหลวงและคนที่จบการศึกษาในต่างประเทศมาคุณไม่มีทางจะสู้เขาได้เลยครับ
ครั้งหนึ่งหลังจากผมเรียนจบเคยมีความฝันอยากเป็นนักการฑูตเพราะครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศเม็กซิโกกับคณะเผยแพร่ศาสนาของพระสุพรหมญาณเถระ (ทอง สิริมังคโล) สมณะศักดิ์ในขณะนั้น
ปัจจุบันเป็นพระราชพรหมมาจารย์ เจ้าอาวาสวันพระธาตุศรีจอมทอง ผมได้มีโอกาสไปสถานฑูตไทย
ณ กรุงเม็กซิโกซิตี้ โดยพบกับท่านเอกอัครราชฑูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกชอบเพราะได้ทำหน้าที่คณะผู้แทนรัฐบาลไทย อีกทั้งบ้านพักท่านฑูตสวยงาน ก็ติดเปลือกนอกละครับทำให้ผมอยากมีอาชีพนักการฑูตบ้าง หลังจากที่ผมเรียนจบ เห็นประกาศลงหนังสือพิมพ์ว่าทางกระทรวงต่างประเทศ รับสมัครเจ้าหน้าที่การฑูต 3 จำได้ว่า
แม่ให้เงินไปสอบ ข้อสอบคำให้เรียงความ ไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย
จำได้ว่าปีนั้นมีการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิค 2539 และในหลวงครองราชย์ครบรอบ 50 ปี
ข้อสอบบอกจงเรียงความเป็นภาษาอังกฤษให้มาข้อความเดียวคือ “Golden jubilee” เพียงแค่นี้ผมก็เสร็จเลยครับ ผมนึกถามตัวเองในใจว่า คำว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม แปลว่าอะไรในที่สุดผมก็จนด้วยเกล้า และเห็นสัจจธรรมชัดเจนว่า ไม่มีทางไปสู้กับเด็กที่จบเมืองนอกได้ เด็ดขาด แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับเด็กไทยที่เก่ง ๆ นะครับซึ่งผมก็เคยเจอและเคยทำงานให้กับบริษัทผมในช่วงที่ยังเรียนหนังสืออยู่ (ปัจจุบันเรียนหนังสือปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ประเทศเยอรมัน)
ไม่ใช่แค่นี้ครับ ยังมีข้อสอบอีกมากที่ทำให้ผมพ่ายแพ้ทันทีในยกแรกของการทำงานในชีวิต
แต่ผมยังโชคดีที่ได้พันธุกรรมในส่วนที่ดีของพ่อมาคือการชอบอ่านหนังสือซึ่งพันธุกรรมนี้
เพิ่งมาได้ตอนก่อนเรียนมหาวิทยาลัยไม่นานนัก ส่วนพันธุกรรมของแม่คือการเป็นเถ้าแก่
สำหรับพันธุกรรมความจนนี้ได้มาเต็ม ๆ เลยครับ ทำให้ผมอยากลบล้างหรือหมดไปในรุ่นของผม
แต่จะได้หรือไม่ เฮ้อแน่นอนครับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
เมื่อไม่มีเงินทอง แน่นอนว่าต้องการ “จับเสือมือเปล่า”ต้องเริ่มต้นขึ้น
ถ้าท่านคิดว่าท่านได้รับพันธุกรรมในความไม่มีทรัพย์มาละก็ต้องลอง”จับเสือมือเปล่า”
แบบผมดูก็ได้ครับ

ความคิดเห็น