จับเสือมือเปล่า เสือคือเงินปัญญาคืออาวุธ บทที่ 4

เสือคือเงินปัญญาคืออาวุธ

แรงบันดาลใจที่ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการอยากสร้างกำลังใจ และนำเสนอแนวทางจากบรรดานักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ และเส้นทางนี้ทำธุรกิจขึ้นเพื่อจะทำให้ทุกคนหลุดพ้น จากไม่ว่า “ไม่มี” ,จน
หรืออะไรก็ตามที่เต็มไปด้วยความคลาดแคลน อีกทั้งเป็นเครื่องมือหางานในยุคเศรษฐกิจใหม่ที่ทุนทางปัญญาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งและอีกประการก็คือ มีหนังสือมากมายออกมาให้ฝึกออมเงินกัน แต่ผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีเงินจะออมกันเพราะค่าใช้จ่ายในชีวิตสูงมาก เพราะฉะนั้นต้องหาเงินเพิ่มขึ้น แต่จะให้ดีนั้นต้องใช้เรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาถ้าทำได้นะครับ แต่คงอาจจะไม่ทุกคนเพราะจะมีทรัพย์สินทางปัญญาได้ต้องสะสมทุนทางปัญญาพอสมควรทีเดียว
“วิกฤตสอนให้ผมจับเสือมือเปล่า” เป็นข้อความจากนิตยสาร business.com เดือนสิงหาคม
ได้สัมภาษณ์ คุณวิกรม กรมดิษฐ์ CEO อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (www.amata.com)ทำให้ผมปิ๊งไอเดีย นี่คือความสุดยอดในการทำธุรกิจซึ่งผมเองก็ประสบอยู่บ่อยครั้งสำหรับวิกฤต พลันอ่านข้อความนี้เป็นความรู้สึกสุดยอดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งผมไปเล่าให้คุณแม่ฟังว่า นั่นแหละคือสิ่งที่ถูกต้อง
“จับเสือมือเปล่า” เป็นสุภาษิตไทยหมายความว่า “จับเสือมือเปล่า = แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุน” ไม่เพียงแค่นั้นสุภาษิตไทย “อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ” อะไรก็เป็นเสือทั้งนั้น “เสือผู้หญิง” ,เสือใบ , เป็นเสือที่ไม่น่ากลัวเท่ากับเสือที่เราจะจับเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงชีวิต การจะไปจับเสือได้นั้นเสี่ยงทั้งนั้นครับ ฝรั่งบอกว่า High risk high return
นักธุรกิจหลายคนจับเสือมือเปล่ามาด้วยกันทั้งนั้นรวมถึงตัวผมด้วยเช่นกันครับ
จับเสือมือเปล่า “ยาก” แต่ถ้ารู้จักวิธีจับก็จะไม่ยาก
เสือเป็นสัตว์ดุร้ายน่ากลัว ดูช่อง UBC 43 เข้าจับขม้ำกินควายเป็นตัว ๆ แต่สัตว์เล่านั้นก็แฝงความน่ารักไว้เช่นเดียวกัน
ถ้าเปรียบเสือ ก็คือเงินที่ต้องออกล่าเพื่อให้ได้เงินมาแต่ถ้าออกไปจับนั้นยากกว่าหลายเท่า
เครื่องมือในการจับเสือที่ท่านจะต้องสร้าง สะสมเป็นองค์ความรู้ เพื่อต่อสู้กับเสือที่เก่งขึ้นทุกวัน
บางครั้งต้องยอมรับครับว่า “เงินทุนเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ แต่ถ้าไม่มีเราจะทำอย่างไรละครับ แน่นอนว่าการจับเสือมือเปล่าด้วยปัญญาต้องเริ่มขึ้น

คนจับเสือจากอุบลฯ
พี่เล็ก หรือ วิชาญเล็ก ลูกเดชอุดม นักศึกษาวิทยาลัยพละศึกษา เป็นชาวอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี มาเรียนหนังสือที่เชียงใหม่ชกมวยส่งตัวเองเรียนกับน้องชายผมค่อนข้างสนิทกับพวกเขา
ชีวิตคือการต่อสู้ น้องชายพี่เล็กชื่อ รักเกียรติ ศ.กฤชทอง หมอนี่หน้าตาดีรูปหล่อ ชกมวยเก่งฝีมือสุดยอด
ถ้าเข้ากรุงเทพฯ คงดังแต่ติดขี้เกียจซ้อม ไม่ค่อยยอมวิ่ง ผมเคยเป็นคู่ซ้อมปล้ำเข่าให้ก่อนขึ้นชกบ้าง

คนเหล่านี้เป็นคนขยันทำมาหากินไม่เกเรแต่ไม่รวยเพราะช่วงชีวิตของการชกมวยนั้นสั้นมาก ไม่ว่าจะค่าตัวเงินแสนหรือเงินล้าน อาชีพนี้เป็นอาชีพจับเสือมือเปล่าจริง ๆ พ่อแม่ไม่มีอะไรทรัพย์สมบัติอะไรมาให้มีแต่ร่างกายที่ครบ 32 จึงต้องเอาความเจ็บปวดเข้าแลกกับเงินบางครั้งก็ถูกนายทุนโปรโมเตอร์เอาเปรียบน่าสงสารครับ
กลางเดือนกันยายน 2535 รักเกียรติ มีรายการชกที่สนามมวยเดชานุเคราะห์ คืนนั้นผมไปกับพวกเขาเพื่อเชียร์ ปรากฏว่าคืนนี้รักเกียรติ ฝีมือดีกว่าคู่ชกมาก เน้นเตะซ้ายออกหมัดจับตีเข่าจนคู่ชกเหมือนทางสู้ในยกสาม รักเกรียติ บอกว่าตอนแรกจะได้ค่าตัว 1,500 แต่หลังจากชนะแล้วโปรเตอร์บอกว่าเอาไป 1,300 บาทพอชกน้อยยก เอ้าก็ถูกเอาเปรียบไปน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
อีกอาชีพก็นับว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคงไม่ต้องพูดถึงซึ่งก็จับเสือมือเปล่าอีกนั่นแหละครับ
แต่ผมไม่อยากสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่ให้จับเสือมือเปล่าแบบที่เขียนมาข้างต้นแต่อยากให้จับเสือ
แบบใช้ ทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งยั่งยืนและถาวร ไม่เจ็บตัว แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้เพิ่มเติมปัญญาเข้าไปการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ความคิดเห็น

pichaya กล่าวว่า
สวัสดีครับ เพิ่งเจอบล๊อกคุณชีพธรรมวันนี้เอง ผมพิชญ เนชั่น ครับ ไม่ทราบจำได้หรือเปล่า สบายดีหรือเปล่าครับ พยายามติดต่อหลายครั้งแล้ว ทางอีเมลล์ไม่เวิร์ค มือถือก็รู้สึกคุณจะเปลี่ยนเบอร์ ไม่มีอะไรครับ อยากบอกว่าบล๊อกน่าสนใจมาก เป็นนักเขียนได้เลยครับ หากสนใจก็อยากขอเรียนเชิญมาเปิด
บล๊อกที่โอเคเนชั่นได้นะครับ