![]() |
ภาพ มติชนสุดสัปดาห์ |
บทความ
ชีพธรรม คำวิเศษณ์
ผู้ช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย
ศุกร์ 3 มกราคม 2567
การปรับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ออกจากคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กับพรรคเพื่อไทย ทั้งในเชิงการเมืองและการบริหารประเทศ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:
## **1. ความตึงเครียดระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล**
การปรับนายพีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถูกมองว่าเป็นการลดบทบาทของพรรครวมไทยสร้างชาติในรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่แกนนำและสมาชิกของ รทสช. โดยเฉพาะเมื่อกระทรวงพลังงานถือเป็นกระทรวงสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจและนโยบายพลังงานของประเทศ หาก รทสช. มองว่าการปรับออกนี้เกิดจากแรงกดดันหรือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย อาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล[2][9].
## **2. การลดอิทธิพลของ รทสช.**
การปลดนายพีระพันธุ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจถูกตีความว่าเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่จะลดบทบาทและอิทธิพลของ รทสช. ในรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตำแหน่งที่ว่างลงถูกแทนที่ด้วยบุคคลที่ใกล้ชิดกับเพื่อไทย หรือกลุ่มพันธมิตรอื่น เช่น พรรคประชาชน ที่มีข่าวลือว่าจะเข้ามาเสริมทีมรัฐบาลแทน[9][10]. การเคลื่อนไหวเช่นนี้อาจทำให้ รทสช. รู้สึกว่าถูกกีดกันหรือไม่ได้รับความไว้วางใจอย่างเพียงพอในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
## **3. เสถียรภาพของ รทสช. และแรงกระเพื่อมภายใน**
ภายใน รทสช. เองก็มีรอยร้าวจากความขัดแย้งระหว่างนายพีระพันธุ์กับกลุ่ม "สปอนเซอร์" ของพรรค ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อน หากการปรับออกครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามในพรรคเร่งเร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน เช่น การเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค หรือการลดบทบาทของกลุ่มนายพีระพันธุ์ในโครงสร้างอำนาจของ รทสช.[1].
## **4. ผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลโดยรวม**
แม้ว่าเสียงสนับสนุนในสภาของรัฐบาลจะยังคงเพียงพอ แม้ไม่มี รทสช. แต่การปรับออกที่อาจนำไปสู่ความไม่พอใจในหมู่สมาชิก รทสช. อาจกระตุ้นให้เกิดแรงต่อต้านหรือการถอนตัวจากรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพโดยรวม หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียพันธมิตรทางการเมืองในอนาคต[2][10].
## **5. โอกาสในการเจรจาและฟื้นฟูความสัมพันธ์**
อย่างไรก็ตาม หากเพื่อไทยสามารถเจรจาและจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เช่น การให้ตำแหน่งหรือบทบาทอื่นแก่สมาชิกสำคัญของ รทสช. เพื่อรักษาความสัมพันธ์ การปรับออกครั้งนี้อาจไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาล แต่หากไม่มีมาตรการรองรับที่เพียงพอ ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคอาจเข้าสู่จุดวิกฤติ[5][9].
### **บทสรุป**
การปรับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ออกจากคณะรัฐมนตรี อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง รทสช. กับเพื่อไทย โดยเฉพาะในแง่ความไว้วางใจและบทบาททางการเมือง หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ความขัดแย้งนี้อาจลุกลามจนส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต
Citations:
[1] https://www.bangkokbiznews.com/politics/1127078
[2] https://www.thaipost.net/dominate-the-situation-news/708159/
[3] https://www.instagram.com/thestandardth.ig/reel/DEU4BtqNJwg/
[4] https://www.the101.world/pirapan-salirathavibhaga/
[5] https://www.thaipbs.or.th/news/content/335411
[6] https://www.youtube.com/watch?v=L0Bs8618YaA
[7] https://www.thairath.co.th/news/politic/2834148
[8] https://www.thairath.co.th/news/politic/2832951
[9] https://news.ch7.com/detail/776396
[10] https://www.thaipost.net/x-cite-news/717502/
**เหตุผลที่ทำให้พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี**
การที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อาจถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
### **1. การผลักดันนโยบายที่ขัดแย้งกับกลุ่มทุนและพรรคร่วมรัฐบาล**
นายพีระพันธุ์มีจุดยืนชัดเจนในการ "ล้างบาง" ทุนผูกขาดในอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า โดยเน้นการปรับโครงสร้างเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากขึ้น เช่น การลดค่าไฟฟ้าและน้ำมัน รวมถึงการเบรกโครงการโรงไฟฟ้าสีเขียวและเหมืองแม่เมาะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนใหญ่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย[1][4][9].
การดำเนินนโยบายเหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลในวงการพลังงานและแกนนำรัฐบาล ซึ่งมองว่านโยบายดังกล่าวอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนที่สนับสนุนรัฐบาล[1][10].
---
### **2. ความขัดแย้งทางการเมืองและบทบาทในรัฐบาล**
- **การเป็น "คนนอก" ในสายตาของเพื่อไทย**: นายพีระพันธุ์ถูกมองว่าเป็น "ผลไม้นอกสายพันธุ์" หรือบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายอำนาจหลักของเพื่อไทย การที่เขามีจุดยืนแข็งกร้าวและไม่ประนีประนอมกับกลุ่มทุน ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกับแกนนำรัฐบาลบางส่วน[10].
- **บทบาทที่ลดลง**: แม้ว่านายพีระพันธุ์จะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานบางส่วนในกระทรวงยุติธรรม แต่บทบาทนี้ถูกจำกัดอย่างมาก โดยเฉพาะในหน่วยงานสำคัญ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีโดยตรง สะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจในตัวเขา[2].
### **3. ความไม่มั่นคงภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ**
- **รอยร้าวภายในพรรค**: พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค กำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งภายใน โดยเฉพาะกับ "ทีมสปอนเซอร์" หรือกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเงินเดิมของพรรค ซึ่งทยอยลาออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดกระแสวิจารณ์ถึงความสามารถในการบริหารจัดการของนายพีระพันธุ์[3].
- **ฐานเสียงที่ลดลง**: พรรครทสช. มีบทบาทลดลงในรัฐบาล และไม่ได้รับความสำคัญเท่ากับพรรคร่วมอื่น เช่น พรรคภูมิใจไทย ทำให้นายพีระพันธุ์ตกอยู่ในสถานะที่เปราะบางทางการเมือง[1][7].
### **4. การจัดสมดุลอำนาจในรัฐบาล**
- **แรงกดดันจากเพื่อไทย**: พรรคเพื่อไทยต้องการควบคุมกระทรวงสำคัญอย่างกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีทรัพยากรมหาศาลและเกี่ยวข้องโดยตรงกับเศรษฐกิจของประเทศ การลดบทบาทหรือปรับนายพีระพันธุ์ออกไป อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการจัดสมดุลอำนาจและตอบสนองต่อกลุ่มทุน[8][10].
- **การดึงพันธมิตรใหม่**: มีรายงานว่าพรรคประชาชนอาจถูกดึงเข้ามาเสริมทีมรัฐบาลแทนที่ รทสช. หากเกิดการปรับ ครม. ซึ่งจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้แก่รัฐบาล[1][7].
### **5. ความนิยมทางสังคมที่เพิ่มขึ้น แต่ไร้แรงหนุนเพียงพอ**
แม้ว่านายพีระพันธุ์จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากประชาชนบางกลุ่ม เนื่องจากจุดยืนด้านนโยบายที่เน้นประโยชน์ของประชาชน แต่แรงสนับสนุนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะต้านทานแรงกดดันจากกลุ่มทุนและแกนนำรัฐบาลได้ จึงทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก[1][4].
### **บทสรุป**
เหตุผลหลักที่ทำให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างทั้งด้านนโยบาย เศรษฐกิจ และการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มทุนผูกขาดและแกนนำรัฐบาลเพื่อไทย นอกจากนี้ ปัญหาภายในพรรครวมไทยสร้างชาติเองก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้นายพีระพันธุ์ขาดแรงหนุนเพียงพอในการรักษาตำแหน่ง ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของสมดุลอำนาจในรัฐบาลผสมชุดปัจจุบัน.
Citations:
[1] https://www.ch7.com/sports/776396
[2] https://www.thaipbs.or.th/news/content/335411
[3] https://www.bangkokbiznews.com/politics/1127078
[4] https://news.ch7.com/detail/776396
[5] https://mgronline.com/politics/detail/9670000041496
[6] https://www.bangkokbiznews.com/politics/1123110
[7] https://www.thaipost.net/x-cite-news/717502/
[8] https://today.line.me/th/v2/article/YaXNrOP
[9] https://www.youtube.com/watch?v=GpaI7aYkNP8
[10] https://www.thaipost.net/columnist-people/714158/
ความคิดเห็น